ชาวม่อนแจ่มกว่า 300 คน รวมตัวยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้อง หลัง จนท. ลุยรื้อถอนเสาสัญญาณมือถือ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่สำรวจดอยม่อนแจ่มสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความนิยม ซึ่งพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่สร้างรีสอร์ทและบ้านพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และต่อมาได้มีสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจไม่ให้มีการบุกรุกก่อสร้างอาคารบ้านพัก รีสอร์ท เพิ่มเติมในพื้นที่ดอยม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียงตำบลโป่งแย่งและตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการสั่งให้รื้อถอนภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วัน และจะดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ดอยม่อนแจ่มให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และเมื่อวันที่ 15 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ทางฝ่ายปกครองอำเภอแม่ริม ได้มีการออกหนังสือราชการเพื่อแจ้งเตือนผู้ประกอบการและประกอบธุรกิจที่พักโดยมีค่าตอบแทน ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่สามารถออกใบอนุญาตหรือรับแจ้งได้ ตามกฎหมาย ระงับหรือยุติการประกอบธุรกิจ
กระทั้งล่าสุดมีรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรื้อถอนเสาสัญญาณโทรศัพท์ และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 63 และ เมื่อวานนี้ 17 ก.พ. 63 เนื่องจากไม่มีการขออนุญาตใช้พื้นที่อย่างถูกต้อง จนส่งผลทำให้ผู้ประกอบการและชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนตใช้ และได้มีการแจ้งกระจายข่าวว่าจะมีการรวมตัวกันเพื่อสอบถามและเรียกร้องความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่ปรากฎเป็นข่าวแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ที่บริเวณด้านหน้า องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีชาวบ้านและกลุ่มผู้ประกอบการบนดอยม่อนแจ่มจำนวนกว่า 300 คน นำโดยนายสุรินทร์ นทีไพรวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านหนองหอยเก่า เดินทางมาชุมนุมถือป้ายและขอเรียกร้องความเป็นธรรม เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ชาวบ้านและผู้อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จากการที่ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เนต ทำให้ไม่สามารถติดต่ออะไรได้เลย นอกจากนี้แล้วยังทราบว่าหากปล่อยไว้ทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังเตรียมตัดไฟ ส่งผลทำให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการ รวมไปถึงผู้อาศัยด้านบนนั้นต่างได้รับความเดือดร้อน ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ทางชาวบ้านและคนในพื้นที่ได้มีการออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง และได้ยืนยันว่าดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงที่ให้อาศัยทำกินอยู่ในพื้นที่ จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและให้ความเป็นธรรมกับทางชาวบ้านและผู้ประกอบการด้วย
อย่างไรก็ตามภายหลังการรวมตัวเรียกร้องความเป็นธรรมและยื่นหนังสือในครั้งนี้ทาง ได้มี นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งได้มีการพูดคุยกัน โดยระบุว่า จะได้นำเอกสารและข้อร้องเรียนของกลุ่มผู้ชุมนุมส่งต่อให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หารือพิจารณา พร้อมทั้งทางตัวแทนผู้ชุมนุมยังได้เข้าร่วมหารือกับผู้เกี่ยวข้อง โดยมี นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในพื้นที่เข้าร่วมหารือทำความเข้าใจและพูดคุยกัน
โดยหลังการพูดคุยกัน เบื้องต้นทราบว่า การดำเนินการในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำตามระเบียบของกฎหมาย ซึ่งสถานะภาพในอดีตพื้นที่นี้ได้รับการผ่อนพันตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 41 โดยไม่ให้มีการดำเนินการแบบถือหุ้นแทน หรือนอมินี และพื้นที่ดังกล่าวเดิมทีก็มีให้ชาวบ้านได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวง ไม่ให้มีการขยายพื้นที่หรือการบุกรุกพื้นที่ป่า แต่เป็นการฟื้นฟูให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในภาพรวม ซึ่งจากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการตัดน้ำตัดไฟของผู้ประกอบการ ชาวบ้านและผู้อาศัยในพื้นที่แต่อย่างใด เพียงแต่มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อเสาสัญญาณ ที่ติดตั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น พร้อมทั้งขณะนี้ก็ได้มีการส่งรถโมบายสัญญาณโทรศัพท์เข้าไปในพื้นที่แล้ว เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น และให้ทางผู้ประกอบการ ชาวบ้าน มีสัญญาณใช้ตามปกติ ส่วนการรือถอนเสาสัญญาณยังคงดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามหลังการเจรจาและยื่นหนังสือแล้วนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้พากันเดินทางกลับโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายแต่อย่างใด