กระทรวงมหาดไทย ออกคำสั่งถึงทุกจังหวัด ห้ามข้าราชการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง COVID-19
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยออกหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เรื่องแนวปฏิบัติการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเนื้อหาระบุดังนี้
ด้วยขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) ของประเทศไทยอยู่ในระยะ 2 คือเริ่มมีการติดเชื้อจากคนสู่คนภายในประเทศ และได้ยกระดับการแจ้งเตือนการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 เป็นระดับ 3 คือให้ประชาชนหลีกเลี่ยง การเดินทางไปยังพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว
เพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติสําหรับการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวของบุคลากรในสังกัด กระทรวงมหาดไทยในสถานการณ์ดังกล่าว และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของการติดเชื้อ COVID-19 กระทรวงมหาดไทยจึงได้กําหนดแนวปฏิบัติในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ดังนี้
1. ในกรณีเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สาธารณรัฐสิงคโปร์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.1 ไม่อนุมัติ หรืออนุญาตให้ข้าราชการ และบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ลาพักผ่อนเพื่อเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง
1.2 ห้ามข้าราชการ และบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปราชการ ต่างประเทศยังประเทศกลุ่มเสี่ยง นอกจากมีความจําเป็นอย่างยิ่งยวด หรือเป็นการเข้าร่วมการประชุม ตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ให้พิจารณาตามความจําเป็น เหมาะสม ในกรณีที่ได้รับการอนุมัติการเดินทาง ไปราชการต่างประเทศแล้ว อาจพิจารณายกเลิก ระงับ หรือเลื่อนการเดินทางให้พ้นช่วงการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อ COVID-19 ออกไปก่อน และจะต้องมีมาตรการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ COVID-19 อย่างเคร่งครัด
2. ในกรณีเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่ใช่ประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา ถึงความจําเป็น เหมาะสม ในการเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการ และบุคลากรในสังกัด
3. ในกรณีที่พบว่าข้าราชการและบุคลากรในสังกัดเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศกลุ่มเสียง ให้กําชับข้าราชการและบุคลากรดังกล่าวเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อย่างน้อย 14 วัน หลังจากการเดินทางกลับถึงประเทศไทยและกรณีที่พบว่ามีไข้หรือมีอาการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแจ้งประวัติการเดินทางให้ทราบทันที
4.. ในส่วนของจังหวัดชายแดนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกําชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ในการควบคุม กํากับดูแลการเดินทางเข้าออกจุดผ่านแดนต่างๆ ทั้งในจุดผ่านแดนที่ได้กําหนดให้มีด่านควบคุม โรคติดต่อระหว่างประเทศไว้แล้ว จํานวน 68 แห่ง ส่วนกรณีจุดผ่านแดนที่ไม่ได้กําหนดให้มีด่านควบคุม โรคติดต่อระหว่างประเทศอาทิ จุดผ่อนปรนทางการค้า ช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามตามแนวชายแดนต่าง ๆ ขอให้กําชับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้เข้มงวดในการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าออกอย่างใกล้ชิด
จึงเรียนมาเพื่อทราบและแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดทราบและถือปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด