(มีคลิป Video) “ทนายเดชา คลายทุกข์” ที่ปรึกษาวอชด็อกฯ ขึ้นเชียงใหม่ลุยคดี ‘เตี้ย มช.’ 

3809

(มีคลิป Video) “ทนายเดชา คลายทุกข์” ที่ปรึกษาวอชด็อกฯ ขึ้นเชียงใหม่ ลุยคดี ‘เตี้ย มช.’ พร้อมเตรียมมอบหลักฐานและแจ้งความเพิ่ม

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 พ.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก .เชียงใหม่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ พร้อมด้วยตัวแทน มูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand (WDT) ⁣⁣⁣ ได้เดินทางเข้าพบ ...กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผก.สภ.ช้างเผือก เพื่อดำเนินการติดตามและเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในกรณีสาเหตุการเสียชีวิตของ “พี่เตี้ย มช.” หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ มูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ ได้รวบรวมหลักฐาน โดยเชื่อว่า “พี่เตี้ย มช.” ถูกจงใจอุ้มฆ่าแล้วนำศพไปทิ้งป่าริมทาง โดยชายที่ปรากฏในคลิปกล้องวงจรปิดคือ ... รายหนึ่ง และต่อมาได้มีการติดตามตัวมาสอบสวน แต่เจ้าตัวให้การภาคเสธ โดยระบุว่า ได้ขับรถเข้ามารับ “พี่เตี้ย” ในช่วงค่ำคืนของวันที่ 3 พ.ค. แล้วเกิดอุบัติเหตุ พี่เตี้ยกระโดดลงจากจักรยานยนต์แต่ไม่พ้นทำให้ล้อหลังของรถทับเตี้ยตาย และเจ้าตัวกลัวความผิดจึงนำเตี้ยไปทิ้งเอาไว้ข้างทาง ซึ่งขัดแย้งกับผลการชันสูตรเรื่องแผลที่พบร่างของพี่เตี้ย โดยเฉพาะที่สัตวแพทย์ระบุแผลลักษณะเป็นหลุม 4 หลุม ลึกประมาณ 0.5 ซม. ที่ทำให้ชาวเนตฟันธงว่าพี่เตี้ยถูกลวงไปยิงทิ้ง

โดยทาง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนในฐานะที่ปรึกษาของมูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ ได้มาให้คำแนะนำในด้านกฎหมายในการดำเนินคดีกับคนที่ทำให้ “พี่เตี้ย มช.” ตายโดยจะมีข้อหาที่ทางเราจะแจ้งเพิ่มก็คือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 2 คนขึ้นไป การใช้ยานพาหนะ เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อหาที่จะได้มีการแจ้งความเพิ่มเติม ซึ่งในประเด็นเรื่องอุบัติเหตุหรือเจตนาฆ่านั้นก็จะให้เป็นหน้าที่ของทางพนักงานสอบสวน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่าลักษณะการตาย บาดแผล และการกระแทกต่างๆ เหล่านี้สอดคล้องกับทางผู้ต้องหาที่ให้การหรือไม่ ซึ่งจากที่ทราบมานั้นทางผู้ต้องหาก็ยังคงให้การภาคเสธและยอมรับว่าเอาไป ซึ่งตรงจุดนี้ก็จะเป็นเรื่องป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ แต่ในเรื่องลักทรัพย์ก็แจ้งชัดเนื่องจากมีการเอาตัวออกไปซึ่งจะมีเจ้าของที่แท้จริงจะมาร้องทุกข์กล่าวโทษอีกครั้ง

ขณะเดียวกันในส่วนของการแจ้งความเพิ่มเติมก็คือการลักทรัพย์ 2 คนขึ้นไป ในเวลากลางคืน และใช้ยานพาหนะ โดยโทษจำคุกคือ 10 ปี 6 เดือน ซึ่งก็ถือเป็นโทษหนัก ส่วนขณะเดียวกันทางมูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ ก็ได้มีหลักฐานมากพอสมควร ส่วนที่จะแจ้งข้อหาอะไรนั้นก็ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนทั้ง 2 โรงพักคือ สภ.ช้างเผือก และ สภ.ภูพิงราชนิเวศน์ ส่วนเจ้าของตัวจริงของ “พี่เตี้ย” ทางมูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ ก็ได้ประสานไปแล้ว และจะเดินทางมาแจ้งความกล่าวโทษ ส่วนตนก็ได้เห็นหลักฐานต่างๆ บางส่วนที่ปรากฏแล้ว อาทิ ข้อความสนทนาในแชต ที่มีการพูดคุยสนทนากันก่อนที่จะเอาตัว “พี่เตี้ย” ออกไป รวมไปถึงคลิปวงจรปิดที่จะนำมาให้กับทางพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไป

ทนายเดชา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประจักษ์พยานหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานที่ชี้ชัด ตอนทุบ ตอนยิง หรือตอนฆ่าต่างๆ และมีพยานแวดล้อม ที่จะนำมาประกอบ เพราะเนื่องจากการจะพิสูจน์ประจักษ์พยานต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยาน เช่นเดียวกันกับ คดีฆ่าคนตาย ที่ไม่ต้องเห็นตอนยิงก็สามารถดูจากบาดแผล พยานแวดล้อม และแวดล้อมต่างๆ มาประกอบได้ โดยในส่วนของวงจรปิดอีกชุดขณะนี้ทาง มูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ ก็กำลังประสานขออยู่หากได้มาก็จะมีความหนักแน่นมากขึ้น แต่วงจรปิดดังกล่าวก็ยังไม่แน่ใจว่า และจะต้องนำมารับฟังประกอบว่าผู้ต้องหาได้อยู่ที่จุดดังกล่าวจริงหรือไม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ ตัวแทนมูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับทางผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของ “พี่เตี้ย” ซึ่งได้ยืนยันว่าเป็นเจ้าของ รวมไปถึงมีหลักฐานการเป็นเจ้าของ และยืนยันว่าไม่ได้ทอดทิ้ง “พี่เตี้ย” แต่อย่างใด เนื่องจากที่ทราบมา สุนัขยังวิ่ง ไป-กลับ ที่บ้านเจ้าของกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อยู่ตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้ทิ้งสิทธิ์ของการเป็นเจ้าของ เพียงแต่สุนัขต้องการจะอยู่ที่มหาวิทยาลัย เจ้าของจึงตกลงที่จะให้อยู่ ขณะที่ในส่วนของฝั่งแอดมิเพจ “เตี้ย มช.” ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ก็ให้เป็นไปตามพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป

ขณะที่ทางด้าน ...กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผก.สภ.ช้างเผือก เปิดเผยว่า หลังการพูดคุยกับทางท่านทนายเดชา และตัวแทนของมูลนิธิวอด็อก ไทยแลนด์ ไปแล้วในครั้งนี้ก็ยืนยันว่า หากมีหลักฐานเพิ่มเติมก็ยินดีที่จะดำเนินการตรวจสอบ และหากยืนยันว่าพบหลักฐานใดที่ยืนยันว่าเป็นการกระทำความผิด ก็จะมีการแจ้งดำเนินการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับทางผู้ต้องสงสัยต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โซเชียลแห่แชร์ ตามหาพี่เตี้ย มช. หลังหายไปไม่มีใครเห็นมากว่า 1 วันแล้ว
คืบหน้าล่าสุดยังไม่เจอ “พี่เตี้ย มช.” โดยมีการปูพรมหาทั่วบริเวณมหาวิทยาลัยแต่ยังไม่พบ หากท่านใดมีเบาะแสหรือพบเห็นแจ้งด่วน
ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ลงพื้นที่จุดพบร่าง ‘พี่เตี้ย’ เตรียมตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐาน หาสาเหตุการเสียชีวิต
ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ลงพื้นที่แกะรอยตามหาเส้นทาง ‘พี่เตี้ย มช.’ มีพยานบุคคลได้ยินเสียงรถขับไปทางจุดที่พบร่างเมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.
(มีคลิป Video) กลุ่มแฟนคลับและแอดมินเพจ “เตี้ย มช.” ร่วมกันทำพิธีสูตรถอนวิญญาณพา “พี่เตี้ย” กลับบ้าน หลังพบร่างถูกทิ้งป่าข้างทาง
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มช. เผยผลชันสูตร ‘พี่เตี้ย’ กระโหลกท้ายทอยแตก ถูกกระแทกอย่างแรงที่ขาหลังและช่วงล่างลำตัว กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด
มูลนิธิวอชด็อกฯ เผยพบผู้ต้องสงสัยพา ‘พี่เตี้ย’ ออกจาก มช. อ้างพี่เตี้ยกระโดดลงจากรถขณะขับขี่ทำให้ล้อหลังทับตายทันที
วอชด็อก ฟันธง! แผนอุ้มฆ่า ‘พี่เตี้ย มช.’ มีมากกว่าหนึ่งคนและทำเป็นขบวนการ
คืบหน้าสอบ ส.ต.ท. พา ‘พี่เตี้ย’ ขับรถเที่ยวออกจาก มช. ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่าง ๆ
รอง โฆษก ตร. เผยต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบ ส.ต.ท. เจตนาทำ “พี่เตี้ย มช.” ตายหรือไม่
พลังโซเชียลแห่ขอความเป็นธรรมให้ “พี่เตี้ย มช.” หลัง ผกก.ตชด.33 ออกปกป้องผู้ต้องสงสัย ยันเป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีเจตนาฆ่าเพราะลูกน้องเป็นคนรักสัตว์ แต่คำให้การขัดแย้งกับผลชันสูตร
รองโฆษก ตร. เผยความคืบหน้าคดี ‘พี่เตี้ย มช.’ เร่งคลี่คลายข้อสงสัยทุกประเด็น
เพจ ‘เตี้ย มช.’ เผยได้มีการฝังเนื้อเยื้อ ‘พี่เตี้ย มช.’ แล้ว ไว้ในมุมที่พี่เตี้ยชอบมาขุดดินนอน