(มีคลิป Video) เตือนภัย! สาวท้องแก่ถูกแก๊งมิจฉาชีพบุกทำทีขายของถึงห้องพัก บังคับซื้อของแต่เจ้าตัวไม่ยอม ถึงขั้นทุบกระปุกออมสิน ชิงเงินเตรียมทำคลอดก่อนหลบหนี
วันที่ 25 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายทุน อายุ 19 ปี ชาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ น.ส.นานยอน (ไม่มีนามสกุล) อายุ 20 ปี สัญชาติไทยใหญ่ ที่พักอาศัยอยู่หอพักย่าน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ กรณีที่ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพทำทีมาเสนอขายสินค้าถึงห้องพัก ขณะที่แฟนสาวอยู่ภายในห้องเพียงลำพังช่วงกลางวันแสกๆ โดยบีบบังคับให้มีการซื้อสินค้า และก่อเหตุทุบกระปุกออมสินที่ทั้งคู่เก็บเงินไว้เป็นทุนเตรียมทำคลอดบุตร จำนวนเงินประมาณ 4,000 บาท ก่อนที่จะเดินออกจากห้องทิ้งสินค้าที่บังคับให้ผู้เสียหายซื้อเป็น กระทะไฟฟ้า , เตาแก๊สไฟฟ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่มซองเล็ก 5 ซอง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายวานนี้ (24 พ.ค.63) ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี และได้มีการโพสต์เรื่องราวเพื่อเตือนภัยลงในโลกโซเชียลในเวลาต่อมา
โดยจากการสอบถามทาง น.ส.นานยอน (ไม่มีนามสกุล) ผู้เสียหายเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของเมื่อวานนี้ ตนได้นั่งเล่นมือถืออยู่ภายในห้องพักเพียงคนเดียว เนื่องจากแฟนหนุ่มได้ออกไปทำงาน ระหว่างนั้นตนได้เปิดประตูห้องไว้เนื่องจากอากาศร้อน แต่ต่อมาได้มีหญิงคนหนึ่งเดินมาที่หน้าห้องชักชวนตนพูดคุย และขอเข้ามาในห้อง โดยตอนแรกตนไม่รู้ว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นใคร และนึกว่าเป็นคนที่อยู่แถวนี้ จึงได้ให้เข้ามาในห้อง จากนั้นเมื่อหญิงคนดังกล่าวเข้ามาแล้ว ได้มีการนำสินค้าที่เป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มมาเสนอขายให้กับตน แต่ตนก็บอกกับหญิงคนดังกล่าวไปว่าตนไม่มีเงินและไม่เอา แต่หญิงคนดังกล่าวก็ขอให้ตนช่วยอุดหนุนหน่อยโดยบอกว่าถุงละ 1 บาท ตนเห็นใจจึงบอกกับหญิงคนดังกล่าวว่าเอา 5 ซอง แต่หญิงคนดังกล่าวก็เอาสินค้ามาให้ 6 ซองในราคา 5 บาท โดยตนจ่ายเงินเป็นแบงก์ 20 บาท แต่หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ทอนเงิน และตนเห็นว่ามีสติกเกอร์ติดข้างหลังซองสินค้าราคา 1,000 กว่าบาท ตนเห็นดังนั้นจึงบอกไปว่าไม่เอาสินค้า แต่หญิงคนดังกล่าวกลับปฏิเสธ และบังคับให้เอาสินค้า
จากนั้นได้มีหญิงอีกคนเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับถือสินค้าเป็นกระทะไฟฟ้าและเตาแก๊สไฟฟ้า เข้ามาในห้องพร้อมกับบังคับให้ซื้อสินค้าที่ถือมา แต่ตนก็บอกว่าไม่มีเงิน พร้อมทั้งบอกไปว่าขอเอาแค่ชิ้นเดียว แต่หญิงคนดังกล่าวก็บอกว่าต้องซื้อสินค้าทั้ง 2 ชิ้น ซึ่งตนก็ยืนกรานว่าไม่มีเงิน พร้อมทั้งบอกว่าถ้าให้เอาเพียงชิ้นเดียวก็ยังพอจะโทรบอกแฟนให้ช่วยโอนเงินจ่ายให้ได้ แต่หญิงทั้งสองคนก็ไม่ยอมให้ตนโทรบอกแฟน และเห็นว่าตนมีออมสินวางอยู่บนโต๊ะ จึงบอกว่าเอาเงินในออมสินมาจ่ายก็ได้ แต่ตนก็อ้างไปว่ามีแต่เงินคงไม่พอ แต่หญิงสาวทั้งสองก็บังคับให้ตนเอาเงินในกระปุกออมสินออกมาจ่ายค่าสินค้า ซึ่งตนก็ไม่ยอมและบอกว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ใช้ในการเตรียมทำคลอดลูก จากนั้นหญิงคนหนึ่งที่เข้ามาในห้องก็ได้โทรศัพท์บอกให้ผู้หญิงอีกคนเข้ามาที่ห้องพร้อมกับค้อนตอกตะปู และได้มาทำการทุบกระปุกออมสินของตนที่มีการล็อกกุญแจไว้ โดยระหว่างนั้นตนได้เอากระปุกออมสินมากอดไว้เพื่อไม่ให้กลุ่มคนดังกล่าวแย่งเงินไป พร้อมทั้งหยิบเงินในกระปุกให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว 2,000 บาท แต่กลุ่มคนดังกล่าวก็ยังได้ทำการแย่งเงินที่มีอยู่ไปอีกประมาณ 2,000 บาท และหากตนไม่กอดกระปุกออมสินไว้ ก็อาจจะถูกชิงไปทั้งหมด นอกจากนี้ตนก็ได้บอกกับกลุ่มคนทั้งหมดไปว่าตนไม่เอาสินค้า จากนั้นหญิงคนหนึ่งในกลุ่มก็ได้มีการโทรศัพท์ไปหาผู้ชายที่อยู่ในรถ และพูดจาในลักษณะข่มขู่ว่าอย่าเพิ่งลงมาจากรถ เพื่อจะเอาบัตรประชาชนของตน อีกทั้งตนเห็นว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นมีอาวุธ จึงยอมให้เงินทั้งหมดไป หลังจากนั้นทั้งหมดก็เดินออกจากห้องไป และต่อมาตนตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกไปดูรถที่กลุ่มคนดังกล่าวนั่งมาแต่ปรากฏว่าได้หายออกไปแล้ว จึงไม่เห็นป้ายทะเบียนแต่อย่างใด
ขณะที่หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนรู้สึกตกใจและตื่นกลัวมาก อีกทั้งไม่กล้าเรียกขอความช่วยเหลือจากคนข้างห้อง แม้ว่าคนที่อยู่ห้องข้างๆ จะเห็นเหตุการณ์ก็ตาม เนื่องจากตนเกรงว่าจะถูกกลุ่มคนดังกล่าวทำร้าย หลังจากนั้นในช่วงเย็นเมื่อแฟนกลับมาถึงห้องจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง จากนั้นแฟนจึงได้พาตนเดินทางเข้าไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.สารภี เวลาประมาณ 20.00 น. พร้อมทั้งนำของกลางหลักฐานที่ทางกลุ่มคนดังกล่าวนำมาบังคับให้ตนซื้อมาแสดงให้ทางตำรวจดู จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตรวจสอบ
ขณะที่ทางด้าน นายทุน ลุงกอ แฟนหนุ่ม เล่าว่า ตนมีอาชีพทำงานก่อสร้าง เป็นกรรมกรแบกปูน ผสมปูน หลังจากที่ตนเลิกงานกลับมา และกินข้าวเสร็จ แฟนสาวก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับตนฟัง อีกทั้งกลัวว่าตนเองจะโกรธ จึงไม่กล้าบอกก่อนหน้านี้ โดยแฟนสาวก็เล่าเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นกลัว เมื่อตนทราบเรื่องตนก็รู้สึกโมโห แต่อีกใจก็รู้สึกเสียใจ เพราะเงินดังกล่าวที่เก็บไว้นั้นเป็นเงินทั้งหมดที่ตนทำงานมา และเป็นเงินที่เก็บไว้เพื่อเตรียมทำคลอดลูก ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่ถึง 10 วันก็จะครบกำหนดคลอดแล้ว แต่ตนกับแฟนกลับต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะเงินที่ตนได้มาก็เป็นเงินที่หามาด้วยความยากลำบาก โดยเงินที่มีก็เก็บเล็กผสมน้อยเพื่อเป็นเงินบางส่วนที่เตรียมทำคลอดลูก เนื่องจากทางโรงพยาบาลก็แจ้งว่าถ้าคลอดลูกก็จะมีค่าใช้จ่าย อย่างคลอดเองก็ต้องเสียเงินประมาณ 8,000 – 12,000 บาท แต่ถ้าผ่าคลอดก็อยู่ที่ประมาณ 15,000 – 18,000 บาท อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยติดตามจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุนี้ให้ได้เร็วๆ เนื่องจากตนได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินที่สูญเสียไปก็มีความสำคัญ
นอกจากนี้จากการที่ตนไปแจ้งความรวมทั้งได้มีการนำเรื่องราวไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ก็ทราบอีกว่ามีเคสลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว เพราะกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มีการลงมือก่อเหตุไปทั่ว พร้อมทั้งฝากเตือนภัยกับประชาชนด้วยว่าให้ระมัดระวังกลุ่มคนในลักษณะนี้ และให้ป้องกันตัว โดยกลุ่มคนพวกนี้จะเลือกเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นคนแก่ และผู้หญิงที่อยู่ห้องเพียงลำพัง เนื่องจากหากมีผู้ชาย หรืออยู่กันหลายคนก็จะไม่กล้าลงมือก่อเหตุ และจากการที่ตนนำเรื่องราวนี้ไปโพสต์ก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งแจ้งว่าในจังหวัดเชียงใหม่ก็มีหลายคนตกเป็นเหยื่อมาแล้ว จึงเกรงว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะตระเวนก่อเหตุอีก จึงอยากเตือนให้ระมัดระวังกันด้วย