กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนดูแลสุขภาพในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เพราะอาจเจ็บป่วยได้ง่าย พร้อมแนะยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด”
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนดูแลสุขภาพตนเองในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ พร้อมแนะยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ควรพกอุปกรณ์กันฝนติดตัวออกจากบ้านทุกครั้ง
เมื่อวันที่ (25 พฤษภาคม 2563) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้มีฝนตก อากาศมีความชื้นสูงขึ้น เอื้อต่อการระบาดของเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อาจทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีภูมิต้านทานน้อย เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ และกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งกลุ่มดังกล่าวหากป่วยจะมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคจากการติดเชื้อไวรัส เกิดจากการติดเชื้อ Influenza Virus โดยการติดเชื้อที่พบในมนุษย์ คือ สายพันธุ์ A, B และ C ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย มักพบการระบาดได้ในสถานที่แออัดหรือในชุมชน สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกช่วงกลุ่มอายุ การติดต่อเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากปากและการหายใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ หรือบางรายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จะมีอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจสามารถป้องกันได้ โดยขอให้ประชาชนยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่ ปิด คือปิดปากและปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง ล้าง คือล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล เมื่อสัมผัสสิ่งของ กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได หรือราวบนรถโดยสาร เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือเข้าไปในสถานที่แออัด ซึ่งมีคนอยู่จำนวนมาก และหยุด คือ เมื่อป่วย ควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรม แม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง หากมีอาการให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่สถานพยาบาล
สำหรับในช่วงนี้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อโควิด 19 แต่หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านหรือไปทำงาน นอกจากต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งแล้ว ควรมีหน้ากากสำรองไว้เปลี่ยนในกรณีเปียกฝน ควรเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในวงกว้าง ที่สำคัญในช่วงฤดูฝนนี้ควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเปียกฝน ซึ่งจะสามารถลดการอับชื้นและลดการสะสมของเชื้อราอันเป็นสาเหตุของการไม่สบายตัวและนำไปสู่การเจ็บป่วยได้
ทั้งนี้ ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีการรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น (จากเดือน มิ.ย. เป็นเดือน พ.ค.) เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์ โดยประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4.บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และ 7.โรคอ้วน (ผู้ที่มีน้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) รวมทั้งกลุ่มบุคลากรการแพทย์ โดยสามารถขอรับบริการวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2563 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค