(มีคลิป Video) รื้อม่อนแจ่มส่อเค้าวุ่น! ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขึ้นดอยม่อนแจ่ม ชาวบ้านร้องป่าไม้ใช้อำนาจมิชอบสั่งดำเนินคดี ร้องขอพิสูจน์สิทธิ์อยู่ก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวน
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (3 พ.ย.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมคณะ ลงพื้นที่ดอยม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม ในพื้นที่ดอยม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียง กรณีนำที่ดินไปใช้ประกอบธุรกิจที่พักและรีสอร์ต ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงหนองหอย หลังจากที่กลุ่มชาวบ้านที่ดอยม่อนแจ่มร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการเข้าดำเนินการจนทำให้ชาวบ้านหลายรายถูกดำเนินคดี
นายวิชิต เมธาอนันต์กลุ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านม่อนแจ่มได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากการจัดระเบียบที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้ยึดเอาตามมติ ครม. 30 มิ.ย 2541 ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่มีใบหางว่าวตามมติ ครม. 11 พ.ค 2542 ซึ่งชาวบ้านได้ไปยื่นขอพิสูจน์สิทธิ์ตามเงื่อนไข เพื่อยืนยันว่าอยู่มาก่อนประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการพิสูจน์สิทธิ์ โดยชาวบ้านยังคงยืนยันให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามมติ ครม. 11 พ.ค. 2542 และขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาชี้เขตรังวัดและพิสูจน์สิทธิ์ หากมีหลักฐานว่าชาวบ้านอยู่มาก่อนให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินเข้าดำเนินการ แต่หากอยู่หลังให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่าจะหาทางออกอย่างไร
นายวิชิต บอกว่า การเข้าดำเนินการของเจ้าหน้าที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก มีชาวบ้านถูกดำเนินคดี 19 ราย ขณะที่มาตรการกดดันของเจ้าหน้าที่ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย รายได้ที่หายไปประมาณร้อยละ 20
ขณะที่ทางด้าน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ประกอบการธุรกิจที่พักในพื้นที่ม่อนแจ่มร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนกรณีถูกกรมป่าไม้ดำเนินคดีอาญาในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และประกาศให้ระงับการประกอบธุรกิจ อีกทั้งมีคำสั่งให้รื้อถอนสถานประกอบการนั้น ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมพบกับชาวบ้านที่เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว
ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีการแปรสภาพจากพื้นที่เกษตรกรรมเป็นธุรกิจที่พักรีสอร์ต จำนวน 113 ราย เป็นกลุ่มที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์จำนวน 82 ราย และ ถูกดำเนินคดีแล้ว 31 ราย เนื่องจากเข้าข่ายกระทำความผิดชัดเจน นำที่ดินไปใช้ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวงหนองหอย รวมทั้งมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม เปลี่ยนมือเจ้าของ หรือ ขายกิจการให้นายทุนต่างชาติ
พล.อ.วิทวัส บอกว่า จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนแม่บทบริหารจัดการพื้นที่และการอยู่ร่วมกันของชุมชนเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัย สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติโดยไม่ทำลายซึ่งกันและกัน คงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ดังเดิม อาจมีการพัฒนาในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนหรือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อส่งเสริมระบบเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน