วอชด็อกไทยแลนด์ บุกช่วยสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเกือบ 30 ตัว ล่าสุดทุกตัวปลอดภัย เตรียมส่งไปดูแลต่อที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม อ.แม่แตง
วันที่ 26 ม.ค. 64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ช่วงบ่ายวานนี้ (25 ม.ค.) ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ พร้อมด้วยตำรวจปทส. ปศุสัตว์ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบฟาร์มสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ซึ่งตั้งอยู่บ้านไม่มีเลขที่พื้นที่หมู่ 8 ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งฟาร์มสุนัขแห่งนี้จากข้อมูลพบว่าเป็นของชาวต่างชาติ ที่เคยเพาะเลี้ยงสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ไว้ส่งขายออกไปยังต่างประเทศ พบว่ามีสุนัขถูกเลี้ยงอยู่ในกรงเกือบ 30 ตัว บางตัวอยู่ในสภาพซูบผอม ซึ่งระหว่างการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่บริเวณนั้นปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปทส. และสัตวแพทย์จากปศุสัตว์อำเภอสารภี ไม่กล้าเข้าไปยังพื้นที่ความดังกล่าวเนื่องจากไม่มีหมายศาลและหมายค้น จึงยืนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกถนน ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ Watchdog Thailand ดำเนินการขนย้ายสุนัขที่อยู่ในฟาร์มออกมาเอง
ขณะที่ล่าสุด ทางผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าของที่ดินจำนวน 1 ไร่เศษที่อนุญาตให้นายแจ๊ค ชาวอเมริกัน เป็นคนเข้ามาเช่าพื้นที่ทำความสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเมื่อหลายปีก่อน โดยได้เผยว่า ตัวของนายแจ็ค นั้น ได้ย้ายมาอยู่เมื่อประมาณปี 2557 และที่ผ่านมาก็ดูแลสุนัขมาอย่างดีโดยตลอด แล้วก็เลี้ยงสุนัขส่งออกตามปกติจึงขยับขยายฟาร์มมีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น ให้สุนัขมีพื้นที่วิ่งเล่น แต่คำว่าฟาร์มสุนัขน่าจะให้สะอาดเหมือนสุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้านก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะว่ามีสุนัขหลายสิบตัวและคนดูแลเพียง 1 ถึง 2 คนเท่านั้น ประกอบกับช่วงหลังนายแจ็ค ได้ป่วยด้วยโรคประจำตัว ซึ่งขณะนี้ก็รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ยังว่าจ้าง คนงานชาวไทยใหญ่มาให้อาหารดูแลสุนัขอยู่ตลอดไม่ได้ทอดทิ้งสุนัขแต่อย่างใดส่วนสุนัขที่ซูบผอมนั้นบางตัวก็อายุหลายปี คิดว่าน่าจะเป็นการแก่ตามอายุมากกว่า
ทางด้านเจ้าหน้าที่ Watchdog Thailand เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวนั้นมูลนิธิได้รับการร้องเรียนมานานแล้วทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ และล่าสุดนั้นนายแจ๊ค ก็ป่วยโรคประจำตัวนอนอยู่ในห้อง ICU ในโรงพยาบาล ทางมูลนิธิจึงได้ประสาน เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจมานำสัตว์ออกมาตรวจสอบ เพราะว่าหลังจากการจับกุมครั้งที่ผ่านมานั้นเกรงว่านายแจ็ค จะเพาะพันธุ์สุนัขเพิ่มขึ้นมาอีกและจากการตรวจสอบในครั้งนี้ก็พบว่านายแจ๊ค ได้เพราะพันธุ์สุนัขเพิ่มขึ้นมาจริง ซึ่งทางมูลนิธิก็ได้ดำเนินการส่งจดหมายอีเมลไปยังญาติของนายแจ็ค ที่ต่างประเทศเพื่อขออนุญาตในการนำสุนัขออกมาดูแลซึ่งทางญาติของนายแจ๊ค อนุญาตยินยอมถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ Watch Dogs Thailand ได้นำสุนัขจำนวน 30 ตัว จากฟาร์มแห่งนี้ ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรสารภีเชียงใหม่ ก่อนที่จะนำสุนัขไปเลี้ยงพักไว้ที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมอำเภอแม่แตงจังหวัดเชียงใหม่