สธ.เผยเชียงใหม่ ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 100% เตรียมฉีดตามแผนให้ได้ภายในสิ้นปี 64

73

สธ.เผยเชียงใหม่ ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 100% เตรียมฉีดตามแผนให้ได้ภายในสิ้นปี 64

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวและเป็น 1 ใน 13 จังหวัด ที่ได้รับวัคซีนในระยะแรก เพื่อรักษาระบบการแพทย์และสาธารณสุข ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเดือนมีนาคมได้รับจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายแรก ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง/ ปฏิบัติงานด่านหน้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากผู้ป่วย จำนวน 1,760 คน ซึ่งขณะนี้ฉีดครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่พบอาการแพ้รุนแรง และเตรียมฉีดเข็มที่ 2 ให้ครบภายในเดือนมีนาคมนี้

นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในแผนการจัดสรรวัคซีนระยะที่ 1 จะมีการให้บริการฉีดวัคซีนในเดือนเมษายน 16,000 คน และพฤษภาคม 24,000 คน ให้แล้วเสร็จตามแผน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย อสม. บุคคลที่มีโรคประจำตัว และผู้ประกอบอาชีพภาคการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ถือเป็นการซักซ้อมที่จะรับวัคซีนในระยะที่สอง โดยจัดสรรให้ร้อยละ 50 จะกระจายให้ 6 อำเภอที่มีการระบาดสูง ได้แก่ อ.เมือง แม่ริม สารภี หางดง สันทราย และสันกำแพง อีกร้อยละ 30 จะฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในอีก 14 อำเภอ ส่วนที่เหลือร้อยละ 20 จะฉีดให้ 5 อำเภอชายแดน

สำหรับแผนการฉีดวัคซีนในระยะที่ 2 เมื่อมีวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ จะฉีดให้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป, แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ, ประชาชนทั่วไป, ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ และกลุ่มนักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจต่างชาติ, คนต่างชาติพำนักระยะยาว โดยกระจายฉีดในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย กรมการแพทย์ กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลเอกชน จำนวน 36 แห่ง ครบทั้ง 2 เข็ม ระหว่างเดือน มิถุนายน – ธันวาคม 2564 เฉลี่ยฉีดวันละประมาณ 12,000 คนต่อวัน ทั้งนี้ การดำเนินการคัดเลือกผู้ที่ได้รับวัคซีน คำนึงถึงกลุ่มเสี่ยง (Risk Person) และพื้นที่เสี่ยง (Risk Area) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด