หนุ่มอ้างตัวเป็นตำรวจ ยศ พ.ต.ต. เข้าพักรีสอร์ทใน จ.เชียงใหม่ แต่จ่ายค่าที่พักไม่ครบ ตรวจสอบพบเครื่องแบบและอุปกรณ์ตำรวจหลายรายการ
กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.ณัฐพล ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกูล, พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รองผกก.4 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ พูลทวี สว.กก.4 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.ณรงค์ หาญสันเทียะสว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.นเรศร์ ดอกแก้ว รอง สว.กก.4 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายไพรวัลย์หรืออ้วน (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ, แต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบตำรวจ กระทำการใดๆ อันทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจ, สวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ, มีและใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลล้มละลายกลาง ที่ 1754/2563 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 โดยถูกกล่าวหา “จงใจขัดขืนหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เป็นเหตุให้ขัดข้องต่อการดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลาย”
สถานที่จับกุม ลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่ง บริเวณ ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีบุคคลแอบอ้างและแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างตัวว่าชื่อ รองอุ้ย มาเปิดห้องพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.บ้านกาดอ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ โดยพลเมืองดีพบพิรุธหลายอย่างคือ บุคคลดังกล่าวไม่สามารถบอกต้นสังกัดของตนเองและไม่มีบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจมาแสดงให้ดู จึงได้แจ้งเบาะแสให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยพบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่พลเมืองดีแจ้งไว้ ตัดผมสั้นเกรียน ใส่เสื้อกั๊กสีดำ ลักษณะคล้ายกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนอยู่บริเวณร้านกาแฟของรีสอร์ท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและทำการตรวจสอบ โดยพบว่าบุคคลดังกล่าวชื่อนายไพรวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี มีอาชีพเป็นเกษตรกร ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใดหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้ ก่อนจะขอทำการตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียนขล 1319 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ของนายไพรวัลย์ฯ ผลการตรวจค้นพบ
1. ชุดเครื่องแบบตำรวจประดับยศพันตำรวจตรี
2. หมวกแก็ปหน้าหมวกปักตราแผ่นดิน ใต้ตราแผ่นดินปักตัวอักษรภาษาอังกฤษ ROYAL THAI POLICE
3. กระบองไฟส่งสัญญาณ
4. ไฟฉาย
5. รองเท้าคัทชู สีดำ จำนวน 2 คู่
จากนั้นจึงได้ให้นายไพรวัลย์ฯ นำตรวจค้นห้องพักที่นายไพรวัลย์ฯ พักอาศัย ผลการตรวจค้นพบ
1. ชุดเครื่องแบบควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรภาค 5 ประดับยศพันตำรวจตรี
2. กางเกงสีกากี สนว.01 เครื่องแบบตำรวจ จำนวน 1 ตัว
3. เสื้อคุมแขนสั้น สีดำ ปักตราตำรวจภูธรภาค 5
4. วิทยุสื่อสาร
5. กระเป๋าถือ สีดำ ปักตราสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
6. หมวกหม้อตาลตำรวจ
รวมของกลางทั้งสิ้น 11 รายการ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการจับกุมตัว และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามนายไพรวัลย์ฯ เบื้องต้นรับสารภาพว่า เครื่องแบบและสิ่งของรายการดังกล่าวข้างต้นเป็นของตนเองจริง โดยตนได้สวมใส่เป็นประจำเนื่องจากมีความชอบและอยากเป็นตำรวจ และมักจะแอบอ้างว่าชื่อรองอุ้ย สังกัดตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อให้ผู้อื่นเกรงใจ นอกจากนี้ตนยังได้แอบอ้างกับพนักงานของรีสอร์ทดังกล่าวว่าเป็นตำรวจ เพื่อขอเข้าพักอาศัยพร้อมรับประทานอาหาร โดยแจ้งกับพนักงานว่า ขอค้างค่าที่พักและค่าอาหารไว้ก่อน แล้วจะนำมาชำระให้ภายหลัง ซึ่งต่อมาตนได้ชำระเงินค่าใช้จ่ายกับรีสอร์ทไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ค้างจ่ายอีกประมาณ 14,000 บาท
ในส่วนกรณีหมายจับของศาลล้มละลายกลางนั้น เดิมตนและภรรยาและเช่าซื้อบ้านที่ จ.แพร่ ไว้กับธนาคาร ต่อมาเมื่อปี 2554 ประสบปัญหาเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้ จึงถูกฟ้องร้องเป็นคดี
ช่องทางติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.ณรงค์ หาญสันเทียะ สว.กก.4 บก.ป. โทร.0819391993
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”
ที่มา : กองบังคับการปราบปราม