‘ประยุทธ์’ ปรับแผนเดินหน้า 3 แนวทาง เตรียมจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มให้ได้เป็น 150 ล้านโดส หรือมากกว่านั้น

491

‘ประยุทธ์’ ปรับแผนเดินหน้า 3 แนวทาง เตรียมจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มให้ได้เป็น 150 ล้านโดส หรือมากกว่านั้น

วันที่ 8 พฤษภาคม 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุถึงแนวทางเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ระบุว่า แนวทางแรก เราต้องเพิ่มจำนวนวัคซีนของเราให้มากกว่านี้ จากที่ปัจจุบัน เราตั้งเป้าสั่งซื้อวัคซีนที่ 100 ล้านโดส ประเทศไทยควรต้องหาวัคซีนเพิ่มอีก ให้เป็น 150 ล้านโดส หรือมากกว่านั้นให้ได้ แม้ว่าบางส่วนอาจจะส่งมอบให้เราได้ในช่วงปีหน้าก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เราไม่ควรจัดหาวัคซีนด้วยเป้าหมายที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศจะเกิดขึ้น เมื่อเราฉีดให้ประชาชนได้ 50 ล้านคน เราควรต้องมีวัคซีนให้เพียงพอสำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศเรามีประชากรผู้ใหญ่อยู่ประมาณ 60 ล้านคน และควรต้องมีวัคซีนเผื่อสำรองเอาไว้อีก เพราะทุกวันนี้ ทั่วโลกยังมีความไม่ชัดเจนว่า การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จากไวรัสตัวนี้ จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตลอดจนคำถามอื่นๆ ที่ยังมีอยู่ เช่น หลังจากฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ประสิทธิภาพของวัคซีนจะคงอยู่ได้นานเท่าไหร่ และเรามีความจำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 3 อีกหรือไม่ รวมทั้งเรื่องของการกลายพันธุ์ นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงที่วัคซีนอาจจะส่งมอบล่าช้า อย่างล่าสุด หลายประเทศชั้นนำของโลก มีการคาดการณ์กันว่า ในช่วงเวลานี้ จะได้รับส่งมอบวัคซีน เป็นจำนวนที่น้อยกว่าครึ่งนึงของจำนวนที่เขาสั่งไว้

แนวทางที่สอง ผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การเจรจาสั่งซื้อวัคซีนของเรามีความคืบหน้าที่เร็วกว่านี้ ให้มีการเจรจากับผู้ผลิตหลายรายเพิ่มขึ้นอีกเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้วัคซีนเพิ่มขึ้น เรามีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนจำนวนถึง 7 ราย และกำลังหาเจรจาเพิ่มอีก รวมถึงวัคซีนใหม่ๆ จากผู้ผลิตรายใหม่ๆ ด้วย แน่นอนว่า ในขณะที่ทั้งโลกยังคงแย่งกันสั่งซื้อวัคซีนให้กับประเทศของตัวเอง ทำให้การจัดหาและสั่งซื้อวัคซีนยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอยู่ แต่เราจะต้องหาทางทำให้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

การตัดสินใจของผมเรื่องสุดท้าย คือการปรับแนวทางการฉีด โดยเร่งเครื่องการฉีดวัคซีนเข็มแรก หลังการหารืออย่างเข้มข้นกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุข เราจะปรับมาให้ความสำคัญกับการเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนจำนวนมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เนื่องจากทางการแพทย์มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน แม้แค่เพียงเข็มแรก ก็สามารถช่วยลดโอกาสในการรับเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการ และลดโอกาสในการเสียชีวิตไปได้อย่างมาก ดังนั้น เราต้องเร่งเครื่องเดินหน้าให้เร็ว ปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนจำนวนมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ในช่วงประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ประเทศไทยจะมีประชากรผู้ใหญ่ จำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ ที่จะได้รับวัคซีนเข็มแรกและได้รับการปกป้องจากอันตรายของโควิด-19 แล้ว ในระดับที่มากพอสมควรครับ