เชียงใหม่ พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) แล้วจำนวน 2 ราย

9996

เชียงใหม่ พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) แล้วจำนวน 2 ราย

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์  อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ เครือข่ายห้องปฏิบัติการดำเนินงานเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ เพื่อให้ประเทศไทยมีข้อมูลเฝ้าระวังสายพันธุ์ได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน

blank
ภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แสดงให้เห็นว่าเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา แล้วจำนวน 2 ราย

รายงานผลการเฝ้าระวัง ตั้งแต่เมษายน 2564 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2564 พบ สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) จำนวน 5,641 ตัวอย่าง สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จำนวน 661 ตัวอย่าง และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) จำนวน 38 ตัวอย่าง

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่ออีกว่า ข้อมูลล่าสุด พบว่า สายพันธุ์เดลตา มีการพบเพิ่มในเขตสุขภาพที่ 4 จากเดิมจำนวน 40 ราย เป็น 65 ราย รวม 105 ราย ส่วนเขตสุขภาพที่ 13 จากเดิม 404 ราย เพิ่มอีก 87 ราย รวมเป็น 491 ราย

สายพันธุ์เบตา จากข้อมูลการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขณะนี้ยังพบในภาคใต้ จำนวน 38 ราย โดยพบในเขตสุขภาพที่ 11 จำนวน 2 ราย และเขตสุขภาพที่ 12 จากเดิม 28 ราย เพิ่มอีก 5 ราย รวม 33 ราย

จากการติดตามเด็กนักเรียนในจังหวัดยะลา เบื้องต้นพบมีทั้งสายพันธุ์อัลฟา และสายพันธุ์เบตา ซึ่งขณะนี้หน่วยงานสาธารณสุขกำลังติดตามหาต้นตอว่าติดมาจากที่ไหน และกำลังเร่งติดตามว่าเชื้อมีการกระจายไปจังหวัดอื่นๆ หรือไม่ สำหรับผลการตรวจเด็กนักเรียนที่จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดตราด ที่กลับมาจากจังหวัดยะลา ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด 19 ซึ่งขณะนี้เด็กอยู่ระหว่างกักตัวเฝ้าระวังต่อไป

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีรายงานข้อมูลช่วงตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 20 มิ.ย. 64 พบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) แล้วจำนวน 2 ราย ซึ่งทั้งนี้คงต้องรอให้ทางจังหวัดออกมาให้ข้อมูลดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมเฝ้าระวังในพื้นที่แล้ว สำหรับประชาชนขอให้สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันโควิด 19

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ประมาณ 1.4 เท่า จึงไม่แปลกที่สายพันธุ์เดลตาจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า สายพันธุ์เดลตาก็จะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทั่วโลก ในอนาคตก็อาจจะมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น โดยวัฏจักรแล้วจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน

ส่วนวัคซีนทุกตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พัฒนามาจากสายพันธุ์ดั้งเดิม คือ สายพันธุ์อู่ฮั่นทั้งนั้น เมื่อสายพันธุ์เปลี่ยนไปประสิทธิภาพของวัคซีนก็เปลี่ยนไป และเชื่อว่าในอนาคตทุกบริษัทก็จะผลิตวัคซีนให้ทันกับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง ดังเช่นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เราต้องคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของไวรัสไว้ล่วงหน้า กระบวนการเปลี่ยนแปลงในสายการผลิต ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

สายพันธุ์อัลฟาลดประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตมาก่อนไม่มากและคงยังใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้ดี ในขณะนี้ประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อัลฟา และมีแนวโน้มที่จะเกิดสายพันธุ์เดลตาเข้ามาแทนที่สิ่งที่เราจะทำได้ก็คงจะต้องช่วยกันควบคุมป้องกัน  ให้เกิดสายพันธุ์เดลตา ระบาดในประเทศไทยช้าที่สุดและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการให้วัคซีนในการควบคุมโรคในอนาคตให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามทรัพยากรที่เรามีอยู่

สิ่งที่สำคัญที่สุดประชาชนไทยทุกคนจะต้องช่วยกัน แม้จะฉีดวัคซีนแล้วจะต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันโควิด 19