ร้านอาหารเชียงใหม่ แห่แบนฟู้ดแพนด้า ไรเดอร์ส่งอาหารบ่นยอดออเดอร์ร่วงระนาว วอนขออย่าเหมารวม
วันที่ 19 ก.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกระแสแบนฟู้ดแพนด้าในจังหวัดเชียงใหม่ร้อนแรงไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ จากที่สื่อสังคมออนไลน์พากันแชร์ข้อความยืนยันการยกเลิกใช้บริการรับส่งอาหารเจ้านี้กันตลอดทั้งวัน ทั้งลูกค้าและกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยในส่วนร้านอาหารพบว่าล่าสุดยกเลิกไปแล้วหลายสิบราย ส่วนลูกค้าพากันยกเลิกลบแอปพลิเคชันไปแล้วหลายร้อยคน
โดยทางด้าน นายอรรถวุฒิ เจ้าของร้านนอกกรอบกะเพราถาด ย่านถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ เป็นอีกร้านหนึ่งที่ยกเลิกใช้บริการรับส่งอาหารกับฟู้ดแพนด้า โดยให้เหตุผลว่าไม่พอใจการชี้แจงของแอดมิน ที่ระบุม็อบเป็นกลุ่มก่อการร้าย เห็นแบบนี้รู้สึกไม่สบายใจเพราะใช้คำพูดที่เกิดกว่าเหตุ เพราะผู้ชุมนุมไปเรียกร้องให้รัฐบาลหาวัคซีนมาให้ประชาชนฉีด แต่กลับถูกมองว่าเป็นการก่อการร้าย ถือเป็นคำกล่าวหาที่รุนแรงเกินจริง
เจ้าของร้านอาหารรายนี้ ยอมรับว่า แม้ยอดขายจะน้อยอยู่แล้วตามภาวะเศรษฐกิจและจะต้องลดลงอีกจากการยกเลิกในครั้งนี้ แต่ก็ยืนยันเลิกใช้บริการ เพราะอยากให้เป็นบทเรียนว่าจะโพสต์หรือสื่อสารอะไร หรือ จะจ้างใครมาทำงาน ควรพิจารณาให้รอบคอบเพราะคำพูดเป็นนายคน พูดออกมาแล้วแก้ไขยากและต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจะเลิกใช้บริการก่อนสามเดือน พร้อมฝากถึงเพื่อน ๆ ร้านอาหารอื่น ๆ ให้ออกมาร่วมกันให้บทเรียน ส่วนเหตุผลที่เลิกใช้บริการสามเดือนเป็นเพราะเห็นใจกลุ่มเพราะไรเดอร์ที่หาเช้ากินค่ำ หลังจากนี้หากมีคำชี้แจง คำขอโทษ หรือ ความรับผิดชอบจากทางบริษัท ก็จะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง
ขณะที่ในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นบนโซเชียลนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มพนักงานไรเดอร์ของบริษัทดังกล่าว ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน โดยในวันนี้ทางกลุ่มพนักงานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ปริมาณออเดอร์ หรืองานที่เด้งเข้ามานั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ก่อนหน้านี้ตลอดทั้งวันพนักงานแต่ละคนจะมีออเดอร์ส่งอาหารเด้งเข้ามาวันละไม่ต่ำกว่า 20 งาน แต่ภายหลังจากที่เกิดกระแสข่าวดังกล่าวขึ้น วันนี้ก็ทำให้ออเดอร์งานลดลง บางคนแทบไม่มีงานเข้า หรือบางคนได้งานเพียง 6-7 งาน ตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่มีประชาชน และร้านค้าไม่ยอมรับ หรือยกเลิกการใช้บริการตามกระแสที่เกิดขึ้น และส่งผลทำให้ไรเดอร์หลายรายได้รับผลกระทบจากการที่รายได้ลดลง จนถึงขั้นต้องจอดรถรองานตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่
จากการสอบถามทางด้าน นายขุนพลอายุ 46 ปี ไรเดอร์ที่ทำงานนี้มาได้ประมาณปีกว่า บอกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลกระทบทำให้ตนมีงานน้อยลง จนแทบจะไม่มีโดยเฉพาะในวันนี้ที่แทบไม่มีออเดอร์ โดยในส่วนของฟีดแบคชุดทำงานนั้นไม่ได้มีผล แต่อยู่ที่ออเดอร์การสั่งของที่พบว่าลูกค้าไม่สั่งงาน หรือไม่อยากใช้บริการของค่ายนี้ และปกติก่อนหน้านี้ตนมีออเดอร์วันไม่ต่ำกว่า 20 ออเดอร์ แล้วแต่ชั่วโมง แต่วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็นตนเพิ่งได้รับออเดอร์งานเพียง 6 ออเดอร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากและกระทบต่อรายได้ของตนอย่างมาก
โดยตนก็อยากฝากถึงทางเจ้าหน้าที่ดูแลต้นสังกัดด้วยว่ากรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือควรวางตัวให้เป็นกลาง เนื่องจากหลังเกิดกระแสออกมาคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็เป็นพนักงานที่ต้องหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องหาเช้ากินค่ำ ที่มีฐานะเป็นพนักงานคนหนึ่ง มีงานก็ต้องทำ ถ้าไม่มีงานก็ไม่มีรายได้ ส่วนเรื่องของทางบริษัทก็ให้ไปแก้ไขกันเอง ซึ่งตนก็อยากฝากถึงประชาชนด้วยว่า ขอให้สงสารพนักงานที่ทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพราะตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอาชีพอะไร ประกอบกับอาชีพที่ทำอยู่นี้ก็อันตรายอยู่แล้ว แต่เมื่อมาถูกกระแสสังคมแบบนี้อีกยิ่งทำให้ได้รับผลกระทบหนังลงไป
ส่วนทางด้าน นายศรัณย์ อายุ 40 ปี อีกหนึ่งในไรเดอร์ของบริษัทดังกล่าว บอกว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ออเดอร์ลดลงอย่างมาก อีกทั้งร้านค้าบางร้านก็ประกาศปิดแอปฯ ไปชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด ประกอบกับลูกค้าสั่งออเดอร์น้อยลง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากกระแสฟีสแบคที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของไรเดอร์หลายๆ คนก็ต่างได้รับผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้น โดยบางคนก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งดูแลพ่อแม่ ลูกหลาน รวมทั้งภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่รายได้กลับลดลง และจากการที่ออเดอร์หายไปหากเทียบกับอาทิตย์ก่อน รายได้อยู่ที่ประมาณ 800-900 บาท แต่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงประมาณวันละ 200 บาท เพราะต้องเติมน้ำมันเอง ทานข้าวเอง ซึ่งในส่วนของตนเองก็ถือว่ารายได้ลดลงอย่างมาก
นายศรัณย์ บอกอีกว่า ในส่วนของฟีดแบคเรื่องแบบฟอร์มแต่งกายนั้นไม่ได้มีฟีดแบคอะไรมากกับสายตาประชาชนทั่วไป แต่ฟีดแบคที่เกิดขึ้นนั้นเกิดกับองค์กรมากกว่า ซึ่งตนก็อยากฝากถึงประชาชนทั่วไปด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่พูดยากเพราะคนแต่ละคนก็ต่างความคิด แต่อย่างน้อยอยากให้เห็นใจไรเดอร์ที่เป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่อยากให้เหมารวมเพราะที่แต่ละคนมาทำงานนั้นก็ตามมีภาระ อีกทั้งในช่วงนี้ก็ตกงานกันจำนวนมาก บางรายก็เพิ่งมาทำงานใหม่ไม่มีรายได้ และอยากให้ทางองค์กรคิดเยอะๆ เวลาจะทำอะไร เพราะองค์กรก็เป็นองค์กรใหญ่ ควรมีความคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนเพราะผลกระทบที่ตามมามันส่งผลถึงทุกคนด้วย
