ม็อบม่อนแจ่มเดือด! เดินเท้าลงดอยนับพันคน เรียกร้องภาครัฐหยุดกลั่นแกล้งชาวบ้าน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
ช่วงสายวันนี้ (25 เม.ย.65) พี่น้องชาติพันธุ์ม้งนับพันคน จากเครือข่ายชาวม่อนแจ่มเพื่อสิทธิในที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงใหม่ โดยมี นายเอกรินทร์ นทีไพรวัลย์ เป็นแกนนำ เดินเท้าจากเทศบาลตำบลแม่แรม หลังยื่นหนังสือต่อนายกเทศบาลตำบลแม่แรม มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยใช้ถนนสายแม่ริม-สะเมิง และต่อเนื่องสู่ถนนโชตนา ก่อนที่จะสู่ที่ว่าการอำเภอแม่ริม เพื่อยื่นหนังสือต่อ นายภควัต ขันธหิรัญ นายอำเภอแม่ริม โดยมีการถือพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 และ ร.10 เดินนำหน้าขบวน พร้อมป้ายที่เขียนเรียกร้องความเป็นธรรมจำนวนมาก เมื่อไปถึงที่ว่าการอำเภอ แกนนำได้ประกาศเหตุผลในการเดินทางมาเรียกร้องในครั้งนี้ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง วางกำลังรักษาความปลอดภัย
โดยทาง นายเอกรินทร์ นทีไพรวัลย์ แกนนำผู้ชุมนุมชาวม่อนแจ่ม เปิดเผยว่า การเดินทางมาของชาวบ้านบนดอยม่อนแจ่มในครั้งนี้ เพราะต้องการให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐหยุดกลั่นแกล้งชาวบ้าน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม สืบเนื่องจากชาวบ้านม่อนแจ่ม ในนามเครือข่ายชาวม่อนแจ่มเพื่อสิทธิในที่อยู่อาศัยและที่ทำกินได้เรียกร้องให้ภาครัฐ แก้ไขปัญหาที่ดินอยู่อาศัยและที่ดินทำมาหากินอย่างสันติเสมอมา จนมีมติคณะรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเฉพาะภาคเหนือ เมื่อ วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหยุดจับกุมชาวบ้าน และดำเนินการพิสูจน์สิทธิให้ชาวบ้าน แต่ก็ถูกละเลยเรื่อยมา จนชาวบ้านทนความเดือดร้อนไม่ไหวจึงร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยเมื่อ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2563 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนแม่บทแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านม่อนแจ่มภายใน 30 วัน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่ยังคงปล่อยปละละเลยให้กรมป่าไม้และฝ่ายปกครองเข้าจับกุมดำเนินคดีกับชาวบ้านอยู่ทุกวัน
ดังนั้น ชาวบ้านม่อนแจ่มจึงขอเรียกร้องอย่างสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอำเภอแม่ริม, นายกเทศบาลตำบลแม่แรม ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งและคำวินิจฉัยของรัฐและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย โดยขอให้หยุดการจับกุมดำเนินคดีชาวบ้านม่อนแจ่ม โดยทันทีและดำเนินการพิสูจน์สิทธิในที่ดินให้ชาวบ้าน ตามมติคณะรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเฉพาะภาคเหนือ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2542 และให้จัดทำแผนแม่บท (Master Plan) การบริหารจัดการพื้นที่ม่อนแจ่ม ตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้หยุคใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคารและพระราชบัญญัติโรงแรมดำเนินคดีโดยเลือกปฏิบัติกับชาวบ้าน ผู้ประกอบกิจการให้บริการที่พักนักท่องเที่ยว เนื่องจากชาวบ้านดังกล่าวได้แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบ ถึงการฝ่าฝืนการประกอบกิจการให้บริการที่พักตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่6/2542 และเนื่องจากมีปัญหาสิทธิการใช้ที่ดินตามข้อ 5 ของคำสั่งดังกล่าว ได้กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติให้ความเห็นชอบ ซึ่งจนบัดนี้ยังไม่มีคำสั่งจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จึงขอให้นายกเทศบาลตำบลแม่แรม นายอำเภอแม่ริม และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชะลอการบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคารและพระราชบัญญัติโรงแรมต่อชาวบ้านม่อนแจ่มจนกว่าจะได้รับคำตอบจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
ทางด้าน นายภควัต ขันธหิรัญ นายอำเภอแม่ริม กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2562 และทางอำเภอทราบปัญหามาต่อเนื่อง สำหรับการออกเลขที่บ้านที่ชาวบ้านอ้างว่าไม่มีการออกให้นั้น วันพฤหัสบดีนี้ (28 เมษายน) ทางอำเภอจะมีคณะกรรมการขึ้นไปดำเนินการสำรวจ จำนวน 21 หลัง ซึ่งมีการนัดแนะก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเรื่องความขัดแย้งเรื่องที่ดินทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้เดินทางมาตรวจสอบแล้ว และมีดำริให้จัดทำแผนแม่บทโดยให้ทางจังหวัดเป็นเจ้าภาพ และทางอำเภอเป็นเลขาฯนั้น ได้หยุดไปชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงขอขยายเวลาไป 1 ครั้ง โดยได้ส่งแผนแม่บทในการให้คนอยู่กับป่าได้โดยสมบูรณ์ไม่ขัดกับกฎหมาย ซึ่งส่งให้กับจังหวัดส่งต่อไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ส่วนการจดทะเบียนที่พัก กำลังทำเรื่องให้เป็นโฮมสเตย์ในพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มายื่นเรื่องกว่า 40 ราย
นายอำเภอแม่ริม เผยต่อมา หลายเรื่องทางอำเภอไม่สามารถจะดำเนินการตอบแทนพี่น้องประชาชนได้ เช่น เรื่องเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่ถูกตัดสัญญาณ เป็นการทำธุรกิจของภาคเอกชน และการจัดการเรื่องพื้นที่ป่าที่ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะเป็นความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด ได้เดินเท้าต่อไปยังศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือกับ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในเรื่องเดียวกัน ของช่วงเที่ยงวันเดียวกัน