…หากพูดถึงความรักแล้ว การที่คนสองคนจะดำเนินชีวิตคู่ไปด้วยกันได้ต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน หลายคนคิดว่าแค่ความรักอย่างเดียวก็พอ แต่หากมองตามโลกความเป็นจริง แค่ความรักอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องมี ความไว้ใจ ความรู้สึกปลอดภัย เราต้องมองว่าชีวิตคู่ของเราที่ประกอบสร้างขึ้นมานี้ เราจะเอาแง่มุมไหนเข้าไปเป็นส่วนร่วมที่สร้างชีวิตคู่
พฤติกรรมทำลายชีวิตคู่ อาจไม่ใช่พฤติกรรมที่ทำแล้ว ทำให้สิ่ง ๆ นั้นหายไปเลย แต่อาจจะเป็นพฤติกรรมที่ทำแล้วมันสั่นคลอนในความสัมพันธ์ ทำให้พื้นที่ชีวิตคู่เริ่มมีรอยร้าว มีพฤติกรรมอะไรบ้างไปดูกัน…
พฤติกรรมที่ 1 การไม่จริงใจต่อตัวเอง
การไม่จริงใจต่อตัวเอง เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมาก หากเราไม่จริงใจต่อตัวเอง เราก็จะไม่สามารถจริงใจต่อคนรักได้เมื่อไม่มีความจริงใจต่อกันจะทำให้การอยู่ในความสัมพันธ์ยากขึ้นมาก ทำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนตามมาสู่ปัญหาอื่น ๆ ได้
พฤติกรรมที่ 2 ทำให้คู่รักไม่มีความเชื่อใจ
เมื่อเกิดสาเหตุแรกก็จะเชื่อมโยงไปถึงสิ่งที่เรียกว่าความเชื่อใจ คนที่ไม่ไว้ใจคู่รักของตัวเองอย่างไร้สาเหตุ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่คอยตามเช็ค(ไม่รวมคนที่เคยถูกนอกใจ ถูกทำร้ายความไว้วางใจ) เมื่อคุณไม่ไว้ใจคนรักมักจะทำให้ความรักสั่นคลอนและมีปัญหา อีกฝ่ายจะรู้สึกว่า เขาไม่น่าไว้ใจหรือเปล่า?
พฤติกรรมที่ 3 ไม่ซื่อสัตย์
คือ ไม่ซื่อสัตย์ เมื่อเกิดปัญหาแล้วคุณแก้ไขไม่ตรงไปตรงมา เลือกที่จะแก้ไขด้วยการคุยกับคนอื่น พฤติกรรมนี้จะนำมาซึ่งการนอกใจได้เช่นกัน อาจใช่ที่บางครั้งคนที่มีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ มีเหตุผลบางอย่างของตัวเอง แต่โดยทั่ว ๆ ไป ที่รับรู้กันคือ เมื่อเกิดพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ทำลายความสัมพันธ์ให้ความสัมพันธ์มีปัญหา อาจไม่จบลงในวันนี้แต่จะจบลงในวันข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
พฤติกรรมที่ 4 ไม่ให้อิสระ จู้จี้จุกจิก
ไม่ให้อิสระ จู้จี้จุกจิก จะส่งผลต่อความรู้สึกอีกฝ่าย สร้างความอึดอัดให้อีกฝ่าย การไม่ให้อิสระกับเขา ไม่ให้เขาได้เป็นตัวของตัวเองได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่นานก็จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดได้ แต่ในกรณีที่แฟนคุณเคยนอกใจแล้วคุณจู้จี้จุกจิกมันก็สมเหตุสมผล เพราะคุณยังอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้
พฤติกรรมที่ 5 ชอบพูดไม่คิด
พูดไม่คิด/พูดตอกย้ำความผิดของอีกฝ่าย อาจไม่ได้ส่งผลกระทบในตอนนั้น แต่จะสะสมไปเรื่อย ๆ ถึงเป็นคำพูดเล็กน้อย อีกฝ่ายอาจรู้สึกไม่ชอบได้ บางทีคุณใกล้ชิดกันจนลืมตระหนักถึงจิตใจของอีกฝ่าย ลืมคิดว่าหากพูดไปแล้วอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร ทำอะไรควรนึกถึงใจอีกฝ่ายด้วย
พฤติกรรมที่ 6 ชอบโกหก
โกหก อาจมีเหตุผลบางอย่างส่วนตัวบุคคล แต่เมื่อโกหกบ่อย ๆ ก็ทำลายความไว้ใจได้ ทำให้ความสัมพันธ์ไม่มั่นคง เมื่อมีเรื่องโกหกที่ทำร้ายจิตใจกัน ในระยะยาวอาจต้องคิดว่าจะอยู่กันได้ไหม
พฤติกรรมที่ 7 การคดโกง
การคดโกง เป็นการทำลายโดยชัดเจน เช่น ทำธุรกิจร่วมกัน แล้วเกิดการโกงเงิน มันค่อนข้างสั่นคลอนชีวิตคู่มาก ทำให้อีกฝ่ายฉุกคิดในหัวว่า จะแต่งงานกับคนที่โกงจริง ๆ หรอ เมื่อเกินลิมิตที่คน ๆ นึงจะทนได้ จะเกิดเป็นรอยร้าวจนแตกออกจากกันในที่สุด เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่พี่น้องยังทะเลาะกันเรื่องเงินได้ หากมาในรูปแบบคู่รักคงหนักยิ่งกว่า
พฤติกรรมที่ 8 มีพฤติกรรมที่รุนแรง
พฤติกรรมรุนแรง คนเราขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ทะเลาะกันขึ้นอยู่กับระดับ มีอารมณ์รุนแรงโกรธได้ แต่เมื่อใดก็ตาม ที่คุณแสดงพฤติกรรมรุนแรงออกมาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เป็นสิ่งที่ยากต่อการยอมรับได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ทำร้ายทางกาย โมโหรุนแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ กลั่นแกล้งอีกฝ่าย แม้แต่ไม่ทำร้ายร่างกายโดยตรงทำลายข้าวของแทน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้บั่นทอนความรู้สึกได้
พฤติกรรมที่ 9 การนอกใจ
การนอกใจ เป็นสิ่งที่ทำลายชีวิตคู่โดยตรง เมื่อทำแล้วอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดอย่างแน่นอน ไม่มีใครสามารถยอมรับได้โดยตรงและปัญหาในทุก ๆ ข้อที่กล่าวไปข้างต้น จะรวบรวมอยู่ในคำเดียว คือนอกใจ หากเกิดการนอกใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่ถูกทำลายไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ อาจจะมีบางคนที่เอากลับมาได้ แต่อีกฝ่ายต้องใจกว้างมาก ใช้เวลานานมาก ๆ กว่าจะกลับมาไว้ใจเชื่อใจอีกครั้ง หลาย ๆ คู่คิดว่า เขาไม่รู้จะทนเหนื่อยแบบนี้ต่อทำไม เพราะความรักดี ๆ คนรักดี ๆ หาจากที่อื่นได้ จึงเกิดการเลิกลากันไป ส่วนการนอกกาย อาจอยู่ที่ความรู้สึกของอีกฝ่ายว่า รู้สึกอย่างไรกับการกระทำของคุณ และหากคุณรักอีกฝ่ายมากพอ คุณจะอยู่กับเขาทั้งกายและใจไม่ไปหาใครอื่นแน่นอน แต่สำหรับบางคู่อาจจะเป็นประเภทที่ยอมรับได้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงร่วมกัน
*** โดยรวมทั้งหมด พฤติกรรมเหล่านี้หากเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ชีวิตคู่สั่นคลอน ไม่ใช่พฤติกรรมที่ดี ยังทำให้มีรอยร้าวมีบาดแผล เกิดการเลิกลากันไปในที่สุด อะไรก็ตามที่เราไม่ชอบก็อย่าทำสิ่งนั้นกับใคร ***
ที่มา : alljit
พรสวรรค์ ชาติมนตรี (นักศึกษาฝึกประสบการณ์)