“บิ๊กป้อม” ขึ้นเหนือ สั่งเร่งฟื้นฟูคลองแม่ข่า รวมถึงการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลอง พร้อมมอบนโยบาย 13 มาตรการรับมือฤดูฝน
วันที่ 13 มิ.ย. 65 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ โดยในช่วงเช้ารองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ณ ศาลากลาง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมเดินทางเข้าชมกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ ในศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ
จากนั้นในช่วงบ่ายรองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปยังหอประชุมเดชะตุงคะ บน.41 จ.เชียงใหม่ เพื่อประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวต้อนรับ และสรุปผลการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลในพื้นที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอภาพรวมการบริหารจัดการน้ำตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมรับฟังความก้าวหน้าการดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า โดยจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นคณะได้เดินทางลงพื้นที่โครงการประตูระบายน้ำบ้านแม่ปูคา พร้อมระบบส่งน้ำ บ้านปูคาเหนือ ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญและสนับสนุนการขับเคลื่อนการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำภายใต้กลไกของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมอบหมายให้ สทนช. พิจารณาสนับสนุนโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และอุปโภคบริโภค พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วอย่างเคร่งครัด โดยขับเคลื่อนและบูรณาการการทำงานร่วมกันผ่านอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดเชียงใหม่
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการจัดทำแผนหลักการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า พร้อมเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน แม้ว่าในปัจจุบันน้ำในลำคลองมีความใสสะอาดมากขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลอง เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งหากคลองแม่ข่าได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านจะส่งผลให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนริมคลองแม่ข่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใน 4 มิติ คือ 1.การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 2) การพัฒนาคุณภาพน้ำ 3) การส่งเสริมปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม และ 4) ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์และรักษาคลองแม่ข่าอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ให้เกิดความยั่งยืน
ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมถึงความก้าวหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปี 61-64 พบว่า มีโครงการด้านทรัพยากรน้ำเกิดขึ้นใหม่เกือบ 2,000 แห่ง ความจุเก็บกักรวม 8.83 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 1.5 แสนไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 2.6 หมื่นครัวเรือน ผ่านโครงการสำคัญ ๆ อาทิ การก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองเชียงใหม่ ระยะที่ 2 งานปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาสถานีผลิตน้ำป่าแดดและวางท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ตอนล่าง ซึ่งในปี 2565 มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอีก 86 แห่ง พื้นที่รับประโยชน์ 76,674 ไร่ เช่น การปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ปรับปรุงระบบผันน้ำจากฝายแม่ตื่นมาอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ รวมถึงงบกลางปี 2565 อีก 46 แห่ง อาทิ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ก่อสร้างระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแหล่งน้ำหนองธาร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่สนับสนุนให้ประชาชนได้มีน้ำกินน้ำใช้ได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อย่างต่อเนื่อง