จับนายทุนใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาสุวรรณภูมิ นำตัวส่งทางการจีน หลังพบลักลอบส่งคนจีนไปทำงานในลาวและกัมพูชา

611

จับนายทุนใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาสุวรรณภูมิ นำตัวส่งทางการจีน หลังพบลักลอบส่งคนจีนไปทำงานในลาวและกัมพูชา

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 65 เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.65 ได้รับแจ้งจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่านาย Zhou Dawei สัญชาติจีน ที่ทางการจีนออกหมายแดง (Red Notice) ในข้อหา “การจัดการและขนส่งบุคคลลักลอบเข้าและออกเมือง” จะเดินทางเข้ามายังราชอาณาจักรไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงสั่งการให้ สตม. ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ห้องกักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสืบสวนขยายผลและส่งตัวให้กับทางการจีน และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. , ผบช.สตม. และ ผบก.กองการต่างประเทศ (ตท.) กำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ กล่าวว่า จากการประสานกับทางการจีน ทราบว่า นาย Zhou มีพฤติการณ์นำชาวจีนลักลอบข้ามแดนไปทำงานกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ที่ประเทศลาวและกัมพูชา เป็นบุคคลที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และ ตม.จีนต้องการตัวเป็นอย่างมาก

ต่อมาวันที่ 23 ก.ค.65 เวลา 15.30 สั่งการให้ พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท. พร้อมด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำสถานเอกอัคราชฑูตจีน ประจำประเทศไทย เข้าสอบปากคำผู้ต้องหาที่ห้องกักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยนาย Zhou รับสารภาพว่าได้นำชาวจีนลักลอบข้ามแดนไปทำงานเป็นแก๊ง call center ที่ลาวและกัมพูชาจริง ทางการจีนได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่า “เป็นบุคคลมี Red Notice และได้ทำการยกเลิกหนังสือเดินทางผู้ต้องหาแล้ว” ซึ่งผู้ต้องหาได้รับทราบและยินยอมกลับไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนในวันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. โดยสายการบิน China Southern Airlines CZ 3082 ซึ่งทางการจีนเป็นผู้ดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองทั้งหมด

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยแสวงหาความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน และในภูมิภาคอาเซียนที่มีปัญหาคล้ายๆ กัน ซึ่งก่อนหน้านี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Cybercrime Conference for Law Enforcement Agencies and Partners ณ จ.ภูเก็ต โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เป็นประธาน มีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศ คู่เจรจานอกอาเซียน 7 ประเทศ ตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึง หน่วยงาน Partners ของ Interpol เช่น Facebook, Microsoft, Trend Micro, Binance และ Meta เข้าร่วมประชุมด้วย