เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. ร่วมกับ กรมศุลกากร เข้าตรวจสอบสินค้าขาเข้าที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย โดยบริษัท อินเตอร์ แปซิฟิก เปเปอร์ จำกัด ที่สำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ (waste paper-mixed paper) พิกัดศุลกากร 4704.90.00 น้ำหนักประมาณ 130 ตัน ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ผลการตรวจสอบสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์พบว่า สินค้ามีลักษณะคล้ายกันทุกตู้ โดยเป็นเศษกระดาษและมีวัสดุชนิดอื่นปะปน เช่น กระเป๋าผ้า ซองบรรจุภัณฑ์อาหาร หน้ากากอนามัย ผ้าอ้อมอนามัย สเปรย์กระป๋อง ซองยา เป็นต้น รวมวัสดุเจือปนประมาณ 20-30% เข้าข่ายเป็นขยะเทศบาล พิกัด 3825.10.00 ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2562
นายอรรถพล กล่าวว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ได้สั่งการให้ติดตามการดำเนินคดีและส่งกลับสินค้าขยะเทศบาลกลับประเทศต้นทางโดยเร็ว ให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล โดย คพ. จะประสานขอให้กรมศุลกากรดำเนินการกับผู้นำเข้าฯ ให้ส่งกลับสินค้าขยะเทศบาลกลับประเทศต้นทางโดยเร็ว และ คพ. จะประสานกรมการค้าต่างประเทศให้แจ้งไปยังหน่วยงานของประเทศต้นทางเพื่อเน้นย้ำกฎระเบียบในเรื่องนี้ เพื่อให้มีการกำกับบริษัทเอกชนคู่ค้าในประเทศต้นทางมิให้ส่งสินค้าที่เข้าข่ายเป็นขยะเทศบาลมายังประเทศไทยอีก
นายอรรถพล กล่าวว่า คพ. และกรมศุลกากรได้หารือร่วมกับบริษัทอินเตอร์ แปซิฟิก เปเปอร์ จำกัด โดยบริษัทฯ ชี้แจงว่าจะนำสินค้าดังกล่าวไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษม้วนที่โรงงานในอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ที่ผ่านมานำเข้าเศษกระดาษจากต่างประเทศเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ ประมาณ 4% เท่านั้น ที่เหลือใช้เศษกระดาษภายในประเทศ สาเหตุที่นำเข้าเนื่องจากเศษกระดาษเยื่อขาวในประเทศไม่เพียงพอ ก่อนหน้านี้ได้เคยนำเข้ามาแล้วซึ่งในสัญญาซื้อขายจะกำหนดให้มีวัสดุเจือปนไม่เกิน 1 % โดยน้ำหนัก โดยสิ่งเจือปนจำพวกเศษพลาสติกที่ถูกคัดแยกที่โรงงานจะส่งไปเป็นเชื้อเพลิงเสริมที่โรงปูนซีเมนต์ ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการให้ถูกต้องต่อไป ในส่วนประเด็นความผิดทางกฎหมายให้เป็นไปตามการดำเนินการของกรมศุลกากร และบริษัทฯ จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าตั้งแต่ต้นทาง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก