ครบ 16 ปี รัฐประหาร “รัฐบาลทักษิณ” 19 ก.ย. 2549 เพื่อไทยชี้เป็น 16 ปี แห่งความหลังที่ขมขื่นเสื่อมถอย รัฐประหารต้องสูญพันธ์ุ เหตุไม่ใช่คำตอบของประเทศ

163

ครบ 16 ปี รัฐประหาร “รัฐบาลทักษิณ” 19 ก.ย. 2549 เพื่อไทยชี้เป็น 16 ปี แห่งความหลังที่ขมขื่นเสื่อมถอย รัฐประหารต้องสูญพันธ์ุ เหตุไม่ใช่คำตอบของประเทศ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549  “พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน” หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯ ยึดอำนาจ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” รักษาการนายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางไปประชุมที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แม้ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเมืองครั้งใหม่ที่ส่งผลลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน

โดยล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย. 65) ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ (ดร.หญิง : อรุณี กาสยานนท์) รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เมื่อ 16 ปีที่แล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ณ วันนี้ ผ่านมา 16 ปี ประเทศไทยเสื่อมถอยลงทุกมิติ ทั้งมิติในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม คนไทยได้เรียนรู้ร่วมกันแล้วว่า รัฐประหารไม่ใช่ข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย เพราะการเกิดขึ้นของรัฐประหารในปี 2549 และในปี 2557 ส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้ รวม 4 ด้าน ได้แก่

1 .วิกฤตศรัทธาต่อระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมถดถอยตกต่ำ : หลายกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมไทย องค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้น และระบบนิติรัฐนิติธรรม หรือระบบอุปถัมภ์เบ่งบาน อย่างกรณี ส.ต.ท.หญิง ล้วนทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยต่อทั้งระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมไม่มากก็น้อย จนทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อระบบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

2.การทุจริตคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น : จากการประเมินขององค์กรโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International :TI) ซึ่งได้จัดการประเมินความเชื่อมั่นต่อการทุจริตในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ได้ชี้ให้เห็นว่าการทำรัฐประหารที่ใช้ข้ออ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนจากนักการเมืองที่โกงกิน เป็นวาทกรรมเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหารเท่านั้น เพราะในปี 2564 อันดับการทุจริตในประเทศไทยอยู่อันดับที่ 104 ตกต่ำสุดในรอบ 20 ปี แต่ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลพลเรือนของ ดร.ทักษิณ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 59 เป็นอันดับที่สูงสุดในรอบ 20 ปี ตัวเลขเหล่านี้ คือเครื่องยืนยันว่ารัฐประหารและรัฐบาลที่มีที่มาจากรัฐประหาร ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชันได้ ซ้ำร้ายปัญหายิ่งรุนแรงมากขึ้น

3.รัฐบาลกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน : รัฐบาลสืบทอดอำนาจจากผู้นำรัฐประหาร กลายเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับประชาชนมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาในช่วง 10 ปี จากสถิติในปี 2565 ยอดรวมจำนวนคดีทางการเมืองมีกว่า 1,065 คดี มีผู้ถูกดำเนินคดีกว่า 1,808 คน และเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 280 ราย พวกเขาหมดอนาคต เพียงเพราะความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากรัฐบาล

4.การเติบโตทางเศรษฐกิจถดถอย : รัฐบาลสืบทอดอำนาจที่ไร้ซึ่งความรู้ ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อต้องเจอกับวิกฤตโรคระบาดใหม่อย่างโควิด-19 จึงไม่สามารถบริหารประเทศภายใต้วิกฤตได้ สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ทิ้งดิ่งติดลบหนักสุดถึงกว่า 6% โดยจากการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่มาถึง 8 ปี ทำจีดีพีประเทศคิดเป็นมูลค่าเพิ่มแค่ 2.4 ล้านล้านบาท แตกต่างจากรัฐบาล ดร.ทักษิณ แม้มีโอกาสบริหารประเทศครบวาระ และพี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาในสมัยที่ 2 รวมการเป็นรัฐบาลเพียง 5 ปี ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ต้องเจอกับโรคระบาดใหม่ เช่น ไข้หวัดนก แต่จีดีพีไม่เคยติดลบ ยังทำให้มูลค่าจีดีพีในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านล้านบาท เช่นเดียวกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศเพียง 3 ปี แม้จะต้องเจอกับวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ปีแรกของการเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่จีดีพีไม่ติดลบ ซ้ำยังทำให้มูลค่าจีดีพีในประเทศตลอดอายุของการเป็นรัฐบาล เพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ซึ่งมีที่มาจากการรัฐประหารและสร้างกติกาเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจมาถึง 8 ปี ทุกวันนี้คนไทยยังคงจนลง รัฐบาลขยันสร้างหนี้เพิ่ม เพราะหาเงินไม่เป็น ใช้เงินเก่งมือเติบ อยู่มา 8 ปี กู้เงินในงบประมาณไปแล้วเกือบ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่รวมหนี้นอกงบประมาณ พลเอกประยุทธ์สร้างหนี้มากกว่ารัฐบาล ดร.ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ และยังสร้างหนี้สาธารณะมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนยังพุ่งสูงทะลุถึง 90% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18 ปี ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่มาจากทหารได้อย่างชัดเจนที่สุด

“ผ่านมา 16 ปี กับการทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ผู้มีอำนาจเขียนกติกาเพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ก็ยังไม่สามารถนำพาประเทศพ้นจากความจน ตรงกันข้ามกลับจมดิ่ง ล้าหลังและเสื่อมถอย หากรัฐบาล ดร.ทักษิณ ได้มีโอกาสบริหารประเทศ 8 ปี เหมือนที่พลเอกประยุทธ์ทำ ประเทศไทยวันนี้คงกลายเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย นำพาประเทศไทยยืนผงาดในเวทีโลก ทั้งหมดคือบทเรียนที่มีค่าที่คนไทยต้องตระหนัก และกำจัดรัฐประหารให้สูญพันธ์ุ เพราะมันไม่ใช่คำตอบของสังคมไทย” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว