ซับซ้อนซ่อนเงื่อน แม่ค้าสาวแม่ริมสุดงง เอาสร้อยทองไปจำนำ 3 บาท กลับโดนนำทองไปเปลี่ยนลายเป็นของหมั้น ต่อมาถูกแจ้งความ หาว่าเอาทองปลอมไปหลอก

5565

ซับซ้อนซ่อนเงื่อน แม่ค้าสาวแม่ริมสุดงง เอาสร้อยทองไปจำนำ 3 บาท กลับโดนนำทองไปเปลี่ยนลายเป็นของหมั้นงานแต่ง ต่อมาถูกแจ้งความ หาว่าเอาทองปลอมไปหลอก นำหลักฐานร้องศูนย์ดำรงธรรมขอความช่วยเหลือ

วันที่ 22 มี.ค.66 นางสาวกรรณิกา อายุ 45 ปี เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ หลังตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเองควรเป็นผู้เสียหายมากกว่า

blank

นางสาวกรรณิกา เล่าว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารและผลไม้บริเวณตลาดสดแม่ริม เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 65 ได้นำสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท ไปจำนำไว้กับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์อำเภอแม่ริมคนหนึ่งที่รู้จักสนิทสนมกันเป็นเงิน 75,000 บาท โดยเมื่อส่งมอบทองให้แล้ว วันรุ่งขึ้นชายดังกล่าวก็ได้โอนเงินมาให้ 75,000 บาท ตามที่ตกลงกันไว้

blank

ต่อมาวันที่ 21 ม.ค.66 ตนเองจะไถ่ทองคืน แต่ชายดังกล่าวไม่มีให้ โดยบอกว่าได้นำทองไปเปลี่ยนลายและได้นำไปใช้เป็นของหมั้นในงานแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ตนจึงต่อว่าไปว่าทำไมถึงเอาทองคนอื่นไปใช้โดยพลการ ขณะที่ชายคนดังกล่าวขอรับผิดชอบด้วยการขอซื้อทองที่ได้นำไปเป็นเงิน 82,000 บาท ทำให้ชายดังกล่าวต้องคืนส่วนต่างให้กับตนเองอีก 5,000 บาท (หักดอกเบี้ยไป 2,000 บาท)

หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็มายืมเงินอีก 50,000 บาท เพื่อไปดาวน์รถ ทั้งที่ยังไม่ได้คืนเงินส่วนต่างที่ค้างไว้ ซึ่งด้วยความที่เป็นคนรู้จักและมีหน้าที่การงานเป็นหลักแหล่ง จึงให้ยืมเพิ่มไปตามที่ขอมา ต่อมาชายดังกล่าวได้คืนเงินมาให้เพียง 25,000 บาท ทำให้ยังค้างเงินอยู่ทั้งหมดอีก 30,000 บาท

จากนั้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ชายดังกล่าวบอกว่าจะเอาทองไปขายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้พร้อมกับชวนให้ตนเองไปเป็นเพื่อน โดยนำทองไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งฝั่งตรงข้ามที่ว่าการอำเภอแม่ริม แต่เมื่อทางร้านตรวจดูก็บอกว่าสร้อยคอทองคำที่นำมาขายเป็นทองปลอม ขณะที่ชายคนดังกล่าวอ้างว่าได้ทองเส้นนี้มาจากจังหวัดลำพูน ไม่รู้ว่าเป็นทองปลอม

ต่อมาชายดังกล่าวยังมาขอยืมเงินเพิ่มอีก 1 แสนบาท แต่ตนเองก็ไม่ให้เพราะของเก่าก็ยังไม่คืน ทำให้ชายคนดังกล่าวขู่ว่าหากไม่ให้ยืมจะไปบอกกับคนในตลาดว่าตนเองเป็นเจ้าของทองปลอม แต่ตนเองก็ยืนยันไม่ให้ยืม ปรากฏว่าหลังจากนั้นชายดังกล่าวได้ขึ้นโรงพักแจ้งความให้ดำเนินคดีกับตนเอง โดยบอกว่าตนเองเอาสร้อยคอทองคำปลอมไปจำนำ

นางสาวกรรณิกา บอกว่า งงกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เพราะสร้อยคอที่ตนเองเอาไปจำนำเป็นทองจริงและชายคนดังกล่าวได้ตรวจสอบแล้วจึงโอนเงินมาให้ แต่สร้อยที่ถูกระบุว่าเป็นของปลอม เป็นเส้นที่ไปเปลี่ยนมาใหม่โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่องและไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่สุดท้ายกลับมาถูกแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเรื่องที่ถูกแจ้งความทำให้ตนเองเดือดเนื้อร้อนใจมาก เพราะไม่ได้เป็นคนผิด และ เกรงว่าจะมีผลกระทบกับการค้าขายเพราะต้องติดต่อค้าขายออกงานกับหน่วยงานราชการเป็นประจำ

เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยต้องการให้ทางอำเภอเป็นคนกลางเรียกคู่กรณีมาเจรจาขอให้ถอนแจ้งความและขอให้คืนเงินที่ค้างไว้ทั้งหมดด้วย หลังจากนั้นก็จะเลิกแล้วต่อกันไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ แก้วบัวระพา ปลัดอำเภอแม่ริม บอกหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า ปัญหาก็คือผู้ร้องเรียนไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าทองที่นำไปจำนำเป็นทองจริง ส่วนฝ่ายคู่กรณีก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าได้รับทองปลอมด้วยเช่นกัน ส่วนเงินที่ยืมกันไปก็ไม่มีหลักฐานสัญญา โดยเรื่องนี้จะทำหนังสือไปถึงผู้บังคับบัญชาของคู่กรณีเพื่อเชิญคู่กรณีให้มาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน หากคุยกันได้ก็จะให้ทำหนังสือสัญญาไกล่เกลี่ยไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เพราะหากยืนยันดำเนินคดีก็จะเป็นผลเสียกับทั้งคู่เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีหลักฐาน

ปลัดณัฐวุฒิ ยังได้ให้ข้อแนะนำกับผู้ร้องเรียนด้วยว่าขอให้ครั้งนี้เป็นบทเรียน คราวหน้าหากจะจำนำจำนอง หรือ ให้ใครกู้ยืมเงินควรทำหนังสือเป็นหลักฐานให้ชัดเจน เผื่อมีปัญหาจะได้มีหลักฐานยืนยันในทางกฎหมาย