ฟาร์มกัญชาทิพย์! ผู้เสียหายในเชียงใหม่กว่าเกือบ 30 ราย หอบหลักฐานร้องตำรวจ ถูกหลอกลงทุนสูญเงินรวม 30 กว่าล้าน อ้างผลตอบแทนสูง แต่หายไร้วี่แวว ขณะที่ตรวจสอบพบผู้เสียหายเพิ่มกว่า 100 ราย มูลค่าร่วม 100 ล้าน
วันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 10.30 น. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกร่วมลงทุนฟาร์มกัญชาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนเกือบ 30 คน ได้นำหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินคดีกับทางบริษัทแห่งหนึ่งที่อ้างให้ร่วมลงทุนปลูกกัญชา แต่ต่อมาหลังลงทุนไปกลับถูกบ่ายเบี่ยง และไม่สามารถขอเงินที่ลงทุนคืนได้อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อกับทางบริษัทได้ โดยบางรายลงทุนไปกว่า 1 ล้านบาทกับบริษัทดังกล่าว และมีมูลค่าของผู้เสียหายที่รวมกลุ่มกันมาในวันนี้กว่า 30 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มผู้เสียหายที่ทราบว่าถูกหลอกในลักษณะเดียวกันนี้กว่า 100 ราย คาดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 100 ล้านบาท
โดยทางด้าน หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหาย เล่าว่า เดิมทีรู้จักกับกลุ่มผู้บริหารบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แล้วต่อมาทางบริษัทได้มีนโยบายปรับเปลี่ยนธุรกิจในบริษัท เป็นการลงทุนในเรื่องของกัญชา และตนเห็นว่าทางบริษัทมีความน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วย อีกทั้งมีหลายๆ ราย ที่เห็นโฆษณาผ่านเพจ และในสื่อโซเชียล และเซลล์ โดยรูปแบบของธุรกิจจะเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อทำฟาร์มกัญชา และด้วยตัวของบริษัท ตัวของผู้บริหารที่มีอยู่ 6 คน ประกอบกับมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันมาก่อน เนื่องจากตนเคยทำงานร่วมกันในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งเห็นภาพลักษณ์ เกี่ยวกับที่มาที่ไปในการซื้อขาย และผลผลิตของกัญชา อีกทั้งมีการโฆษณา และคอนเนคชั่นต่างๆ ที่มีความน่าเชื่อถือทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน
โดยในการลงทุนครั้งแรกของตนจะมีลักษณะคล้ายกับโปรโมชั่น มีรายละเอียด 100,000 บาท ได้ผลตอบแทนตลอดระยะเวลาสัญญา 5 ปี จำนวน 284,000 บาท แล้วจะได้ผลตอบแทนตั้งแต่เดือนที่ 7 หลังลงทุนเป็นต้นไป จากนั้นเดือนที่ 15 จนถึงเดือนที่ 60 เดือนท้ายจะได้ประมาณเดือนละ 4,000 บาท จนจบสัญญา ซึ่งส่วนตัวของตนรวมเงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 1,3000,000 บาท และได้คืนมาแค่ประมาณ 200,000 บาทเศษ
ขณะที่ตอนนี้มีการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายจากการถูกหลวงร่วมลงทุน ที่ตนตรวจสอบและรวบรวมรายชื่อกับเพื่อนๆ ที่ทราบตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคน และมีมูลค่าความเสียหายที่ชัดเจนประมาณ 34 ล้านบาท อีกทั้งยังมีค่าความเสียหายที่ทราบว่ามีนักลงทุนมาร่วมอีก 10 กว่าล้าน อีกทั้งมีเรื่องของการกู้ยืมเงิน ทั้งมีสัญญาและไม่มีสัญญา เพื่อนำมาลงทุนเกี่ยวกับฟาร์มกัญญาดังกล่าวอีกมูลค่าหลายสิบล้านด้วย
ผู้เสียหาย บอกอีกว่า ในการเดินทางเข้ามาร้องเรียนกับทาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้ก็เพื่ออยากให้มีการตั้งทีมตรวจสอบเกี่ยวกับคดีดังกล่าว รวมไปถึงการตรวจสอบติดตามความเคลื่อนไหวของเงินที่ผู้เสียหายได้ลงทุนไป เนื่องจากเท่าที่ตรวจสอบมีเงินลงทุนไปจำนวนมหาศาล แต่ยังไม่เห็นผลผลิตแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเงินที่เสียไปนั้นจะถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ จึงอยากให้มีความกระจ่างในเรื่องนี้ รวมถึงที่ผ่านมา ทางกลุ่มผผู้เสียหายก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว และจนถึงตอนนี้ตนก็ไม่สามารถติดต่อกับคนของบริษัทนี้ได้เลย แต่เท่าที่ทราบก็ผู้มีผู้เสียหายบางรายที่ยังพอติดต่อกับผู้บริหารบางคนได้ และอ้างว่ายังมีการทำฟาร์มตามปกติ แต่จากการตรวจสอบพบว่าฟาร์มมีการปิดไปหมดแล้ว และผู้เสียหายบางรายก็ถูกอ้างว่าฟาร์มกำลังอยู่ในระหว่างเพาะปลูก ซึ่งหากได้ผลผลิตก็จะมีการคืนเงินปันผลเหมือนเดิม แต่เท่าที่ตนทราบว่าถูกหลอกคือช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา และตรวจพบว่ามีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันตนก็จึงรีบไปแจ้งความในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ทางด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ในเบื้องต้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้เสียหาย จากนั้นจะตรวจสอบว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดกฎหมายอาญาอย่างไรบ้าง และหลัฝจากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จจึงจะมีการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยจากการที่มีผู้เสียหายหลายรายจึงจะมีการตั้งคณะทำงานเป็นชุดพนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหลักและจากการตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีนี้ ก็เข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก อีกทั้งมีการโฆษณาในเรื่องของการหลอกร่วมลงทุน และจะมีการตรวจสอบว่าการหลอกร่วมลงทุนนั้น มีการลงทุนจริงหรือไม่
ส่วนเรื่องของการตรวจสอบทรัพย์สินของทางบริษัทนั้นจะต้องดำเนินการให้ครบทุกส่วน ทั้งในเรื่องของเส้นทางการเงิน ที่ต้องตรวจสอบว่าผู้ใดได้รับผลประโยชน์ หรือใครเอาเงินไปอย่างไร รวมถึงเงินนั้นไปอยู่ที่ใคร ทั้งนี้เรื่องเกี่ยวกับการหลอกร่วมลงทุนนั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนอยากฝากเตือนไปยังประชาชนว่า อะไรที่มีการชักชวนและให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง มักจะไม่ค่อยมีอยู่จริง ดังนั้นการจะลงทุนกับใครจึงขอให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน เพื่อป้องกันการถูกหลอกจนเกิดความเสียหายในลักษณะนี้