หมอเผยอันตราย กินยาแก้ไมเกรน ทำมือเท้าตายจนต้องตัดทิ้ง
แฟนเพจบุ๊กชื่อ “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ซึ่งเป็นแฟนเพจของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เรื่องราวเกียวกับผู้ป่วยซึ่งรับประทานยาแก้ไมเกรน จนส่งผลให้มือเท้าตายจนต้องตัดทิ้ง โดยข้อความระบุว่า
“อันตรายจากการกินยา “เออร์กอต” ชื่อการค้ามีหลายชื่อ ที่ใช้ในการแก้ปวดหรือบรรเทาปวดหัวไมเกรน เป็นยาที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังสูงสุดเพราะถ้ามีโรคประจำตัวหัวใจ เส้นเลือดตีบหรือใช้ยาตัวอื่นๆอยู่ รวมทั้ง ยาฆ่าเชื้อรา ยารักษาโรคเอดส์ จะทำให้ยาแก้ปวดตัวนี้ออกฤทธิ์มากขึ้นและทำให้เส้นเลือดหัวใจสมอง ที่ปลายมือปลายเท้าแขนขาหดตัวอย่างรุนแรง ขาดเลือด ห้วใจวาย อัมพฤกษ์ จนกระทั่ง ถึงกับต้องถูกตัดแขนขาไป”
ทั้งนี้จากการตรวจสอบทราบว่า ยานี้อันตรายที่ต้องควบคุมการใช้โดยแพทย์ แต่กลับพบว่ายังมีการจำหน่ายอยู่ทั่วไป อีกทั้งยานี้ยังมีผลกระทบต่อผู้ป่วยหลายโรค และไม่สามารถใช้ร่วมกับยาได้อีกหลายชนิด ซึ่งหากใช้ยาตัวนี้ไม่ถูกต้องก็จะส่งผลเป็นอันตรายเหมือนกับเหตุการณ์ข้างต้น
โดยในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว มียารับประทานอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรนกลุ่ม เออร์กอต (Ergot) เพราะผลข้างเคียงที่ต้องระวัง คือ มีฤทธิ์หดหลอดเลือดได้ ในกรณีที่ยาออกฤทธิ์มากเกินไป จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ เช่น แขน ขา ขาดเลือดจนต้องตัดทิ้ง หรือ เส้นเลือดสมองตีบ ผู้ที่ต้องระวังการใช้ยา Ergot
-
มีประวัติแพ้ยา Ergot
-
มีประวัติหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน
-
หญิงตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร
-
โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ กล้ามเนื้อหัวใจ
-
โรคตับ หรือโรคไตขั้นรุนแรง
-
ความดันโลหิตสูง ที่ควบคุมไม่ได้
-
กลุ่มคนที่รับประทานยาอื่นๆ ที่ทำปฏิกิริยาต่อ Ergot ที่กล่าวไปแล้ว ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
นอกจากนี้ ยังมียาไมเกรนอีกชนิดที่ใช้บ่อย คือ กลุ่มทริปแทน (Triptan) ลงท้ายชื่อยาด้วย Triptan ที่ผู้บริโภคควรระมัดระวัง เพราะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเออร์กอต (Ergot) ทำให้หลอดเลือดมีการหดตัว และไม่ควรใช้คู่กัน เพราะอาจจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายเช่นกัน