31 พ.ค. 67 – อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หัวหน้าศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิต ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “เห็ดในกลุ่มตระกูลเห็ดถอบ โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ อย่างที่ทราบกันดี จริงๆ แล้วยังมีเห็ดอื่นอีกหลายชนิดที่มีลักษณะกลมๆ คล้ายกัน เช่น พวกเห็ดไข่หงส์ เห็ดลูกฝุ่น เห็ดหำหมา-หำฟาน และพวกเห็ดดาวดิน เป็นต้น เห็ดกลุ่มนี้มักจะมีผนังหนา แข็ง และขุรขระ บางชนิดมีสีออกเหลือง หรืออาจมีขนาดใหญ่กว่าลูกปิงปอง ซึ่งเป็นเห็ดกลุ่มที่รับประทานเข้าไปแล้วจะมีพิษต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย แต่อาจไม่ได้เป็นพิษร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ส่วนมากอาการมักจะเกิดเร็วภายในไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงหลังจากที่รับประทานเข้าไป อย่างไรก็ตาม สำหรับวิธีสังเกตจำแนกเห็ดนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากเห็ดมี ชนิดพันธุ์หลากหลายมาก หากไม่ชำนาญจริงควรหลีกเลี่ยง”
อ.นพ.รังสฤษฎ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ”กรณีรับประทานเห็ดที่มีพิษเข้าไป แล้วมีอาการ เบื้องต้นเมื่อไปพบแพทย์ให้นำเห็ดดังกล่าวเข้าไปด้วยเสมอ ซึ่งแพทย์จะตรวจสอบ หรือทำการปรึกษากับทางศูนย์พิษวิทยาต่างๆได้ เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นเห็ดชนิดใด ต้องแก้ไข ให้การรักษาอย่างไร หากเกิดอาการเร็วภายใน 3-4 ชั่วโมง ก็จะรักษาประคับประคอง ส่วนใหญ่จะไม่กระตุ้นให้อาเจียนเพราะอาจสำลักได้ กรณีเมื่อมาพบแพทย์เร็วจะให้รับประทานทานผงถ่านทางการแพทย์ เพื่อบรรเทาอาการ และอาจต้องทำการเจาะตรวจเลือดเพื่อประเมินอาการด้านต่างๆ พร้อมให้การรักษาตามขั้นตอน
กรณีที่น่าเป็นห่วงที่สุดในช่วงนี้ ให้ระวังเห็ดกลุ่มที่มีพิษร้ายแรงจำพวก เห็ดระโงก-เห็ดไข่ห่าน ซึ่งส่วนใหญ่จะออกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายนทุกๆ ปี
สำหรับเห็ดไข่ห่าน มีทั้งชนิดที่รับประทานได้และรับประทานไม่ได้ ทั้งสองแบบมีลักษณะคล้ายกันชนิดที่มีสีสด (สีเหลือง สีส้ม) สามารถรับประทานได้ ต่างกับชนิดที่มีสีขาวล้วน ซึ่งอาจจะเป็นทั้งชนิดที่กินได้ หรือ เป็นชนิดที่มีพิษร้ายแรงมาก จุดสังเกตอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญมากคือ ด้านบนของดอกเห็ด จะเห็นเป็นเส้นๆ เป็นรอยเหมือนกับเป็นหวี ถ้าไม่มีหวีด้านบนลักษณะนี้มีพิษรุนแรง รับประทานเพียงแค่ดอกเดียว พิษก็อาจส่งผลกระทบต่อตับอย่างรุนแรง ถึงขั้นตับวายได้ เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
คนมักนิยมกินเห็ดไข่ห่าน หรือเห็ดระโงกตอนที่ยังตูมๆ ซึ่งอันนี้ น่าเป็นห่วงมาก เพราะ ถ้าดอกเห็ดยังไม่บาน ลักษณะในการจำแนกระหว่างไข่ห่านกินได้ หรือไม่ได้ จะยังแสดงไม่ครบ จึงควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
กรณีเมื่อรับประทานเห็ดชนิดที่เป็นพิษร้ายแรงส่วนใหญ่มักจะไม่เกิดอาการทันที แต่จะมีอาการหลังจาก 6 ชั่วโมง ขึ้นไป ซึ่งหากมีอาการควรรีบไปพบแพทย์ทันที แม้อาการจะดีขึ้นในช่วงแรกแล้วก็ตาม เพราะหากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีอาจเกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ขอบคุณรูปภาพ : ดร.นครินทร์ สุวรรณราช สำนักงานบริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยด้านความหลากหลายของจุลินทร์ฯ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่