สทนช. เตือน! เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ช่วง 24-31 ก.ค. นี้ “เชียงใหม่” 4 อำเภอ พื้นที่ อ.เมือง-อมก๋อย-สันป่าตอง-ดอยเต่า

475

22 ก.ค. 67 – สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ประเทศเมียนมา สปป.ลาว และประเทศเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณตอนใต้ของประเทศจีน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น จะทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมถึงมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคตะวันตก

สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตามฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 24 – 31 กรกฎาคม 2567 ดังนี้

3.4

1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และบริเวณชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ
1.1 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย แม่จัน และพาน)
จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ อมก๋อย สันป่าตอง และดอยเต่า)
จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ปาย ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง และสบเมย)
จังหวัดตาก (อำเภอเมืองตาก ท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และอุ้มผาง)
จังหวัดสุโขทัย (อำเภอศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม และศรีสำโรง)
จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา ปงเชียงคำ และเชียงม่วน)
จังหวัดน่าน (อำเภอเมืองน่าน เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งช้าง เชียงกลาง สองแคว ปัว และท่าวังผา)
จังหวัดแพร่ (อำเภอเมืองแพร่ เด่นชัย ลอง และวังชิ้น)
จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ลับแล พิชัย ทองแสนขัน และท่าปลา)
จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอชาติตระการ นครไทย วังทอง และเนินมะปราง) �จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มเก่า และหล่มสัก)

1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย (อำเภอนาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย และปากชม)
จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ศรีเชียงใหม่ และโพนพิสัย)
จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอบุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา และบึงโขงหลง)
จังหวัดอุดรธานี (อำเภอนายูง และน้ำโสม)
จังหวัดสกลนคร (อำเภอเมืองสกลนคร และอากาศอำนวย)
จังหวัดนครพนม (อำเภอเมืองนครพนม ศรีสงคราม และธาตุพนม)
จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอน้ำยืน และศรีเมืองใหม่)

1.3 ภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี สังขละบุรี ทองผาภูมิ ศรีสวัสดิ์ ไทรโยค และด่านมะขามเตี้ย)
จังหวัดราชบุรี (อำเภอสวนผึ้ง และบ้านคา)
จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน และหนองหญ้าปล้อง)
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอหัวหิน ปราณบุรี และบางสะพาน)

1.4 ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และบ้านนา)
จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม และนาดี)
จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว วัฒนานคร โคกสูง และอรัญประเทศ)
จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี และศรีราชา)
จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง ปลวกแดง นิคมพัฒนา และแกลง)
จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี เขาคิชฌกูฏ มะขาม ขลุง และแหลมสิงห์)
จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง และเกาะกูด)

1.5 ภาคใต้ จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ)
จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง และท้ายเหมือง)
จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง ปะเหลียน นาโยง กันตัง ห้วยยอด หาดสำราญ รัษฎา และวังวิเศษ) �จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า และมะนัง)

2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ เลย บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครราชสีมา สระบุรี สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี ตราด ระนอง และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด

3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ แม่น้ำน่าน (อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน)
แม่น้ำแควน้อย (อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก)
แม่น้ำป่าสัก (อำเภอหล่มสัก และหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์)
ลำน้ำพอง (อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น)
ลำน้ำก่ำ (อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม)
แม่น้ำชี (อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น)
ลำเซบาย (อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร)
แม่น้ำยัง (อำเภอเสลภูมิ และโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด)
แม่น้ำตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง และบ่อไร่ จังหวัดตราด)

3.3

ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมือง
ที่เคยเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและพนังกั้นน้ำ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ อาคารชลศาสตร์ให้พร้อมใช้งาน และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2567