เชียงใหม่ เร่งปฏิบัติการทำฝนหลวง เติมน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ไว้ใช้ช่วงหน้าแล้ง
วันนี้ (21 กันยายน 2562) ที่ อาคารเอนกประสงค์ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางสาวหนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ , นายธนาวุฒิ ปัญจพรอุดมลาภ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ และ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ร่วมชี้แจงกับกลุ่มผู้ใช้น้ำถึงแผนปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนกักเก็บน้ำ เป็นการเตรียมความพร้อมในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในเขตภาคเหนือ ซึ่ง นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้หน่วยฝนหลวงเร่งรัดเติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ชลประทานวางแผนบริหารจัดการน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรในทุกพื้นที่ เพื่อส่งผลผลิตฯ ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในหลายจังหวัดต่อไป
จากการขึ้นบินสำรวจพื้นที่โดยรอบเขื่อนแม่กวงอุดมธารา และจากการติดตามการรายงานปริมาณน้ำในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พบว่า ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอสำหรับทำการเกษตร แต่ในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ หลายแห่ง เริ่มมีความต้องการรับน้ำเพิ่มเติม เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือต่ำกว่าเกณฑ์ อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงปลายของฤดูฝน ซึ่งจะมีปริมาณฝนลดน้อยลง ทำให้คาดว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่อาจจะไม่เพียงพอสำหรับในช่วงหน้าแล้ง ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเริ่มดำเนินการทำฝนหลวง โดยเน้นไปที่การเติมน้ำต้นทุนในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ที่ขณะนี้เหลือปริมาณน้ำที่กักเก็บเพียงร้อยละ 29 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ควรจะมีอยู่ที่ร้อยละ 30
สำหรับแผนปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะดำเนินการไปจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2562 หรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่ยังสามารถทำฝนหลวงได้ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้บินทำฝนหลวงไปแล้วกว่า 20 วัน ซึ่งมีฝนตกทุกวัน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแล้วกว่า 18 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่ตั้งเป้าไว้ 15 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จ และหลังจากนี้จะตั้งเป้าเติมน้ำให้ได้ถึงร้อยละ 70 ของความจุเขื่อน ทั้งจากปริมาณฝนธรรมชาติและน้ำฝนจากการปฏิบัติการฝนหลวงตามแผนที่วางไว้
ะส่วนการดำเนินงานในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำอื่นๆ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจะยังคงติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝนที่ตก และสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ซึ่งพร้อมที่จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ร้องขอทันทีที่มีสภาพอากาศเหมาะสม โดยต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบ เช่น พื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิต และพื้นที่ประสบภัย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน