13 มี.ค. 68 – นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์เด็กจมน้ำมักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน (เดือนมีนาคม – พฤษภาคม) กระทรวงสาธารณสุข จึงบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ปี 2567 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตถึง 173 ราย เฉลี่ยวันละเกือบ 2 ราย มากสุดในเดือนมีนาคม รองลงมา คือ เมษายน และพฤษภาคม ส่วนใหญ่อายุ 10 – 14 ปี รองลงมา อายุ 5 – 9 ปี และอายุ 0 – 4 ปี เพศชายจมน้ำสูงกว่าเพศหญิงถึง 2.8 เท่าตัว พบเสียชีวิตมากสุดที่ นครราชสีมา รองลงมา คือ ปัตตานี ศรีสะเกษและอุดรธานี โดยกว่าร้อยละ 72 เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ (บ่อขุด/ สระน้ำ/ คลอง/ แม่น้ำ) สาเหตุเกิดจากการไปเล่นน้ำมากที่สุด ร้อยละ 72.3 โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ เด็กขาดการดูแล และขาดความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง ซึ่งพบว่าขณะเกิดเหตุมากกว่าครึ่งอยู่กับเพื่อนและเกือบทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ โดยภายหลังจมน้ำเด็กจะเสียชีวิต ถึงร้อยละ 65.1
“ขณะนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ประกอบกับเด็กอยู่ในระหว่างปิดเทอม อาจมีการชักชวนกันไปเล่นน้ำตามที่ต่างๆ จึงมีความเสี่ยงที่จะจมน้ำเสียชีวิตได้ ขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด คอยย้ำเตือนให้เด็กรู้จักระมัดระวังอันตรายจากการจมน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสีย” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลควรจับตาใกล้ชิด ให้เด็กอยู่ในระยะที่มองเห็น คว้าตัวถึง ไม่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังหรืออยู่กับพี่ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนเด็กโต ควรสอนให้รู้กฎความปลอดภัยทางน้ำ เช่น ไม่เล่นใกล้แหล่งน้ำ ไม่เล่นน้ำคนเดียว ไม่เล่นน้ำกันเองโดยไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย ไม่แกล้งจมน้ำ รู้จักประเมินแหล่งน้ำเสี่ยง ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมทางน้ำหรือนั่งเรือ และหากพบเห็นคนตกน้ำ ไม่ควรลงไปช่วยเพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้ ควรใช้หลัก “ตะโกน โยน ยื่น” คือ ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อให้คนตกน้ำเกาะพยุงตัว และ ยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ไม้ เชือก เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ นอกจากนี้ ชุมชนควรมีการเฝ้าระวังแหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน ไม่ปล่อยให้เด็กลงไปเล่นน้ำ และมีการจัดการแหล่งน้ำเสี่ยงให้เกิดความปลอดภัย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ควรติดป้ายคำเตือน จัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำบริเวณแหล่งน้ำ มีเสื้อชูชีพให้บริการและให้ใส่ทุกครั้งที่ทำกิจกรรมทางน้ำ กำหนดบริเวณสำหรับเล่นน้ำแยกออกจากบริเวณสัญจรทางน้ำ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางน้ำ(lifeguard) คอยดูแล รวมถึงประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้มีการดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด