หมอโพสต์เตือนภัยยาคุมกำเนิด หลังพบคนไข้กินมา 5 ปี เป็นเนื้องอกในตับ

หมอโพสต์เตือนภัยยาคุมกำเนิด หลังพบคนไข้กินมา 5 ปี เป็นเนื้องอกในตับ

    เฟซบุ๊ก Umaad Aegem ได้โพสต์เตือนภัยจากยาเม็ดคุมกำเนิด การใช้ยาเมิดคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานานๆ(มากกว่า 5 ปี) นอกจากจะเสี่ยงกับมะเร็งเต้านมแล้ว ยังเสี่ยงกับการเกิดเนื้องอกในตับ ( Hepatic Adenoma) ซึ่งสามารถกลายไปเป็นมะเร็งตับได้ (Hepatocellular Carcinoma)

     โดยเล่าถึงเคสของผู้ป่วยรายหนึ่ง เป็นผู้หญิงอายุ 38 ปี ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดมามากกว่า 10 ปี หยุดการใช้ยาไปแล้วปีกว่าๆ มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง ทำ CT scan พบเนื้องอกในตับ ขนาด 7 ซม. รักษาโดยการผ่าตัดตับบางส่วนโดยวิธีผ่าตัดผ่านกล้อง Laparoscopic Segment 4 Hepatectomy ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 3 ชม. ครึ่ง

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก สูตินรีแพทย์ สรุป
1. ยาคุมแบบเก่าแบบระดับฮอร์โมนสูง เพิ่ม risk
2. ยาคุมแบบใหม่ระดับฮอร์โมนต่ำ กินได้เกิน 5 ปี และช่วยลด risk การเกิด มะเร็งรังไข่ (ca ovary), มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (ca endometrium)
3.คนที่มี ก้อนที่เต้านม (breast mass) , มะเร็งเต้านม (ca breast) ไม่แนะนำ ให้ปรึกษาแพทย์

     ยาคุมกำเนิด ใช้ติดต่อกันนานเกิน 5ปี อ้างอิงตามevidence ของ WHI ที่เก็บจำนวนคนไข้เยอะสุดประมาณล้านกว่าคน พบว่า เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม แต่เป็นข้อมูลที่ศึกษาในอดีต ที่ฮอร์โมนในยาคุมยังค่อนข้างมีระดับฮอร์โมนสูง แต่ยาคุมแบบใหม่ๆในปัจจุบันเป็นยาคุมระดับฮอร์โมนต่ำ ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคนไข้เป็นมะเร็งเต้านมอยู่เดิม ไม่แนะนำให้ใช้ฮอร์โมนนะ มีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้สูง นอกจากนี้ ยาคุมยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกด้วย

      ดังนั้นการใช้ ข้อดีข้อเสีย ปรึกษาหมอดูก่อนก็ได้จะได้ชั่ง risk benefit ส่วนยาฉีดคุมกำเนิดเป็นฮอร์โมนตัวเดียว มีบางเปเปอร์ รายงานว่าพบ risk ca breast แต่ข้อมูลยังค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่เป็น observation study ความน่าเชื่อถือไม่มาก สรุปข้อมูลยังไม่ชัดเจนในกลุ่มยาฉีด ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด ถ้าจะใช้ปรึกษาคุณหมอใกล้บ้านคุยรายละเอียดก่อน จะดีที่สุด เรื่องยาคุมต้องคุยกันแบบ face to face ดีกว่า