ขนส่งทางบกเผย! เตรียมศึกษาติดตั้ง GPS ในรถส่วนบุคคล คาดชัดเจนภายใน 1 ปี

916

กรมการขนส่งทางบก เตรียมศึกษาการติดตั้ง GPS Tracking ในรถทุกประเภท พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เพื่อพิจารณาผลกระทบ ความเป็นไปได้ และความเหมาะสมในทุกมิติ ย้ำ!!! การติดตั้งระบบ GPS Tracking เพื่อความปลอดภัย และต้องไม่เป็นภาระประชาชน คาดชัดเจนภายใน 1 ปี

     นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยภายหลังการรับมอบนโยบายจากกระทรวงคมนาคม ถึงแนวคิดการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อระบบ GPS Tracking ให้ครอบคลุมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในทุกมิติโดยให้สามารถเข้าถึงการควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ อาทิ การใช้ความเร็ว การแสดงสถานที่ของรถยนต์เพื่อลดการก่ออาชญากรรม และการฝ่าฝืนการกระทำผิดกฎจราจร ทั้งนี้ในการพิจารณากำหนดนโยบายให้รถส่วนบุคคลติดตั้งระบบ GPS Tracking กรมการขนส่งทางบกต้องทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในแนวทางความเป็นไปได้และผลกระทบที่เกิดขึ้น

gSKHLu.jpg      ทั้งนี้ต้องศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน อาทิ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารราชการ ไปจนถึงการกำหนดการบังคับใช้ในข้อกฎหมายให้อยู่ในกฎกระทรวงหรือกฎหมายใด อีกทั้งยังต้องพิจารณาปัจจัยด้านราคาค่าอุปกรณ์การติดตั้งและค่าบริการ ซึ่งการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากระบบ GPS Tracking ใช้กับรถส่วนบุคคลดังกล่าว จะมุ่งเน้นประโยชน์ด้านความปลอดภัยเป็นหลัก และนอกจากนั้นยังใช้ประโยชน์ในการช่วยป้องกันการโจรกรรมอีกด้วย โดยการดำเนินมาตรการนี้จะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชน รวมถึงจะต้องมีการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1 ปี ก่อนได้ข้อสรุปเพื่อดำเนินการต่อไป

     อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยต่อไปว่า ในการศึกษาการติดตั้ง GPS Tracking ในรถทุกประเภทนั้น กรมการขนส่งทางบกจะต้องมีการหารือร่วมกับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหน่วยงานภาคการผลิตตั้งแต่ต้นทางจากโรงงานเพื่อพิจารณาแนวทางกำหนดให้มีการติดตั้ง GPS กับรถใหม่ที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต เพื่อให้ไม่สร้างผลกระทบกับประชาชน อีกทั้งยังต้องพิจารณามาตรการด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดยในทุกประเด็นการบังคับใช้การ GPS Tracking ในรถส่วนบุคคลทุกประเภท จะต้องผ่านการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนเพื่อมุ่งทำความเข้าใจและพัฒนามาตรการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าหากผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวให้ความร่วมมือ ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน จะเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด