เพราะความไว้ใจ!! สาวเชียงใหม่ หอบหลักฐานร้องสื่อ ถูกคนสนิทรู้จักนับ 10 ปี ฉ้อโกง สูญเงินเกือบล้าน แถมลวงเจรจายอมความหน้า ตร. สุดท้ายเจ้าตัวเดือดร้อนหนัก

      เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 พ.ย.62 รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.เมย์ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ชาว อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางหอบหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว กรณีที่เจ้าตัวถูก น.ส.นาลิน ยอดทน อายุ 30 ปี ชาว จ.พะเยา ซึ่งเป็นคนรู้จักกันมานับสิบปี ก่อเหตุฉ้อโกงเงิน โดยการหลอกให้เจ้าตัวลงทุนปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยผ่าน น.ส.นาลิน แต่กลับไม่ได้เงินต้นและเงินดอก อีกทั้งยังถูกหลอกให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับเงินที่ประสบปัยหาทางครอบครัว รวมค่าความเสียหายประมาณ 900,000 กว่าบาท และหลังจากทราบว่าถูกหลอกก็ได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับถูก น.ส.นาลิน ลวงให้ไปเจรจายอมความและปลอมหลักฐานจนกระทั่งสุดท้ายไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียวและยังได้รับความเดือดร้อนถูกหลอกสูญเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตไปทั้งหมด

     โดยทาง น.ส.เมย์ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ได้รู้จักกับ น.ส.นาลิน มาได้ 10 กว่าปี และคบหากันเหมือนพี่น้อง จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 2561 น.ส.นาลิน ได้มีการชักชวนตนให้นำเงินมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจปล่อยเงินกู้เฉพาะกลุ่มพนักงานที่ทำงานกับ น.ส.นาลิน โดยที่ตนนั้นไม่เคยรู้จักกับคนที่กู้ยืมเงินแต่อย่างใด และคนที่กู้เงินนั้น น.ส.นาลิน จะเป็นคนจัดการทั้งหมด จนในเวลาต่อมาตนได้รู้ความจริงว่า น.ส.นาลิน ได้มีการใช้ ชื่อ-นามสกุล ของผู้กู้ยืมมาแอบอ้างขอกู้เงินเพิ่มต่อเนื่อง โดยที่เจ้าตัวผู้กู้จริงนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และได้มีการปิดบัญชีจ่ายเงินให้หมดแล้ว แต่ น.ส.นาลิน ได้นำเงินที่ขอกู้ไปนั้นนำไปใช้เอง รวมค่าความเสียหายประมาณ 400,000 กว่าบาท นอกจากนี้แล้ว น.ส.นาลิน ยังได้กุเรื่องขึ้นมาหลอกลวงตนอีกว่าบิดาของ น.ส.นาลิน กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนจะโดนคดีความเกี่ยวกับเรื่องรับเหมาก่อสร้าง และได้มาขอความช่วยเหลือกับตนเอง ซึ่งตนเห็นว่าเป็นคนรู้จักกันมานานจึงได้ให้การช่วยเหลือโดยการให้ยืมเงินอีกประมาณ 500,000 บาท เพื่อให้ น.ส.นาลิน นำไปช่วยเหลือบิดา แต่มารู้ทีหลังว่า น.ส.นาลิน ได้กุเรื่องขึ้น รวมเงินค่าเสียหายที่ถูกหลอกไปทั้งหมดเป็นเงิน 900,000 กว่าบาท

     ต่อมาเมื่อตนรู้ความจริงว่า น.ส.นาลิน มีเจตนาหลอกลวง และฉ้อโกง จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ แต่ทาง น.ส.นาลิน ได้มีการติดต่อมาขอเจรจายอมรับผิดและขอโอกาสแก้ตัว โดยจะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับตน ซึ่งได้มีการเจรจากันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย และขอให้ตนยอมความโดยการอ้างว่าจะยกเงินกองทุนจำนวน 200,000 บาท ให้พร้อมทั้งมอบสมุดบัญชีธนาคารที่เงินกองทุนจะโอนเข้ามา ตนจึงได้รับไว้แต่ต่อมาได้มีการตรวจสอบเช็คบัญชีที่ให้มานั้นปรากฎว่าเป็นบัญชีที่เงินกองทุนไม่ได้เข้ามา แต่เงินได้ไปเข้าอีกบัญชีที่อยู่กับ น.ส.นาลิน ซึ่งทางเจ้าตัวทราบดีว่าเงินจะเข้าในสมุดบัญชีเล่มดังกล่าว แต่จงใจหลอกลวงเอาบัญชีปลอมมาหลอกให้ตนหลงเชื่อ และได้ยอมรับความจริงกับตนที่ สภ.สันทรายเมื่อวันที่ 31 ส.ค.62 ที่ผ่านมา

     ต่อมาภายหลังตนได้มีการทักข้อความไปหา น.ส.นาลิน ตลอดเมื่อทราบว่าเงินกองทุนนั้นได้ไปเข้าอีกบัญชีที่อยู่กับ น.ส.นาลิน รวมเป็นเงินประมาณ 300,000 กว่าบาท น.ส.นาลิน ก็ยอมรับว่าเงินนั้นได้นำออกมาใช้หมดแล้ว จึงทำให้ตนไม่ได้รับเงินคืนตามข้อตกลงที่ได้มีการเจรจากันไว้แต่อย่างใด อีกทั้งทำให้ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ตนทำงานเก็บรวบรวมมาทั้งชีวิต ตนจึงอยากขอให้ น.ส.นาลิน ออกมารับผิดชอบกับการกระทำในครั้งนี้ รวมทั้งได้นำเงินมาชดใช้ พร้อมทั้งขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยรับเรื่องคดีความของตนด้วย และมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างยุติธรรม เนื่องจากไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกทั้งกับตนและผู้อื่น

ภาพและข่าวโดยทีมข่าว www.CM108.com