ชาวม่อนแจ่มออกแถลงการณ์ โต้อำเภอแม่ริม ชี้แจงการเปิดบริการรับนักท่องเที่ยว ยันไม่ได้มีการบุกรุก และอยู่มาก่อนการออกประกาศป่าสงวน วอนขอความเป็นธรรม
จากกรณีที่การลงพื้นที่ตรวจสอบดอยม่อนแจ่มสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความนิยม ซึ่งพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่สร้างรีสอร์ตและบ้านพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาได้มีสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจไม่ให้มีการบุกรุกก่อสร้างอาคารบ้านพัก รีสอร์ต เพิ่มเติมในพื้นที่ดอยม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียงตำบลโป่งแย่งและตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการสั่งให้รื้อถอนภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วัน และจะดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ดอยม่อนแจ่มให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และเมื่อวันที่ 15 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ทางฝ่ายปกครองอำเภอแม่ริม ได้มีการออกหนังสือราชการเพื่อแจ้งเตือนผู้ประกอบการและประกอบธุรกิจที่พักโดยมีค่าตอบแทน ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่สามารถออกใบอนุญาตหรือรับแจ้งได้ ตามกฎหมาย ระงับหรือยุติการประกอบธุรกิจ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้วนั้น
-สั่งปิดที่พักบนดอย “ม่อนแจ่ม” ภายใน 30 วัน หลังพบบุกรุกป่าสงวน
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 63) ทางด้าน นายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ได้มีการออกประกาศแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยได้ระบุว่า หลังมีประกาศของทางอำเภอ ก็ได้สร้างความสับสนและกังวลให้กับชาวบ้าน เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านและกรมป่าไม้ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมกับยืนยันว่าชาวบ้านไม่ได้มีการบุกรุกป่า และอาศัยทำกินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2541 ที่ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและประโยชน์อื่นๆ พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยราษฎรที่อยู่อาศัยในพื้นที่ม่อนแจ่ม ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาดั้งเดิม และได้มีการครอบครองทำประโยชน์และตั้งชุมชนมาก่อนการประกาศป่าสงวนแห่งชาติแมริม ซึ่งราษฎรม่อนแจ่มทุกรายได้รับอนุญาตให้ครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแมริม โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้โดยเป็นหนังสือ ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2561
นอกจากนี้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ตได้ยื่นหนังสือตามคำสั่ง คสช. ที่ 6/2562 มีผลได้รับการคุ้มครองให้ได้รับการยกเว้นโทษทางอาญา ตาม พ.ร.บ.โรงแรม, พ.ร.บ.ผังเมือง และพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ส่วนพื้นที่นั้นอยู่ในระหว่าง คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณาและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป