สสจ เชียงใหม่ เน้นย้ำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางเช้า-ออกประเทศไทย และประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

1880
นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่

สสจ เชียงใหม่ เน้นย้ำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางเช้า-ออกประเทศไทย และประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

จากรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 สถานการณ์ทั่วโลกใน 50 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 82,794 ราย เสียชีวิต 2,817 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 78,514 ราย เสียชีวิต 2,747 ราย

     สถานการณ์โรคในประเทศไทย พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 13 ราย กลับบ้านแล้ว 28 ราย รวมสะสม 41 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 27 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 2,437 ราย คัดกรองจากสนามบิน 84 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 2,353 ราย อนุญาตให้กลับบ้านและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,446 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 991 ราย สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ เพิ่มเติม

       วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2563) นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง การสร้างความเข้าใจกับประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มโคโรนา ที่ทำให้มีไข้ และอาการระบบทางเดินหายใจ โดยส่วนใหญ่จะมีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจหอบเหนื่อย เชื้อสามารถติดต่อจากคนสู่คน ผ่านทางการสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ

     สำหรับข้อแนะนำสำหรับประชาชนในการเดินไปยังประเทศเสี่ยงที่มีการระบาดต่อเนื่อง ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน(รวมถึง ฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า) ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน เกาหลีใต้ หรือประเทศที่มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ระบาด

      1. ก่อนการเดินทาง ขอให้ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ในประเทศที่กำลังจะเดินทางไปอย่างใกล้ชิด รวมทั้งข้อปฏิบัติของแต่ละประเทศต่อผู้เดินทางจากประเทศไทย ถ้าพบว่า ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศนั้น ควรงดการเดินทางหรือเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีความจำเป็นต้องเดินทาง ให้ปฏิบัติตนดังนี้ หมั่นลงมือ สวมหน้ากากอนามัย หากไปในที่ผู้คนอยู่หนาแน่นหรือรถโดยสารสาธารณะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย ด้วยไข้หวัดหรือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ รับประทานอาหารปรุงสุกร้อนสะอาด หลีกเลี่ยงการไปท่องเที่ยวตลาดคสัตว์มีชีวิต

      2. ระหว่างเดินทาง หากมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมหนำกากอนามัย หมั่นล้างมือ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบากให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งสถานทูตไทยประจำประเทศนั้น

     3. หลังการเดินทาง ขอให้ร่วมมือในการคัดกรองผู้เดินทางที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและมาตรการการป้องกันควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งการคัดกรองที่ด่านฯ ถ้ามีอาการเจ็บป่วยจะต้องถูกส่งไปรับการรักษาในโรงพยาบาลที่กำหนด ในกรณีที่คัดกรองที่ด่านฯ พบว่าไม่มีอาการป่วย ขอความร่วมมือให้สังเกตอาการปวยอยู่ที่บ้าน/ที่พัก จนครบ 14 วัน โดยให้หลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะที่มีคนอยู่หนาแน่นโดยไม่จำเป็น เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงเรียน รถไฟฟ้า เป็นต้น งดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น มีพฤติกรรมสุขภาพ เช่น หมั่นลงมือ ไอจามปิดปากปิดจมูก ภายใน 14 วัน หลังเดินทางกลับมาจากพื้นที่การระบาดต่อเนื่อง หากมีไข้ ร่วมกับ ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ ให้สวมหน้กากอนามั้ยหมั่นล้ำงมือและรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง หากไปพบแพทย์ และได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการในครั้งแรกไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ถ้ามีอาการป่วยมากขึ้นหรืออาการไม่ดีขึ้น ขอให้กลับไปพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้านอีกครั้ง

      สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้ป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศแปรปรวน ใช้มาตรการกินร้อนช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรค หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ งดแชร์ข่าวหรือข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร.053-211048 ต่อ 110 , 084-8052121 และสามารถติดตามสถานการณ์ ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.chiangmaihealth.go.th/cmpho_web/coronavirus_knowledge.php