รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ติดตาม และประเมินสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
วันนี้ (24 มี.ค. 63) เวลา 09.00 น. พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ประชุมทางไกลผ่านทางจอภาพประจำสัปดาห์ (VTC) โดยมี ส่วนราชการและหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ระดับจังหวัด เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ณ สโมสรกาวิละ ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ โดยเช้าวันนี้ ศูนย์บัญชาการฯ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานจุด Hotspot (รอบเช้า เวลา 01.47 น.) เกิดขึ้นจำนวน 381 จุด ซึ่งเกิดขึ้นมากที่สุดในอำเภอพร้าว จำนวน 69 จุด โดยเฉพาะในตำบลแม่แวนเกิดขึ้นถึง 33 จุด โดยได้นำเครื่องบิน MI 17 ของกองทัพบก ร่วมกับเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าดับไฟในพื้นที่อำเภอพร้าว เนื่องจากบริเวณนั้น เป็นหน้าผาสูงชัน ยากต่อการเข้าถึงของชุดปฏิบัติการดับไฟป่าภาคพื้นดิน และเกิดการลุกลามเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเร่งทำแนวกันไฟ เพื่อควบคุมไฟให้เป็นวงแคบ
ด้าน นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงพบกลุ่มฝุ่นละอองปกคลุมหนาแน่นทั่วทั้งจังหวัด รวมทั้งทางภาคเหนือและภาคอีสานหลายพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มฝุ่นละออง โดยเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า สาเหตุที่กลุ่มฝุ่นควันยังคงปกคลุมพื้นที่ เนื่องจากทิศทางลมพัดพาจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาสะสมในพื้นที่จังหวัด โดยพัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ และจากการสะสมตัวของฝุ่นละอองเป็นเวลาหลายวัน รวมถึงเกิดจุดความร้อนในพื้นที่หลายจุดและบริเวณใกล้ตัวเมือง อีกทั้งการระบายตัวของอากาศในช่วงเช้าเป็นไปได้ไม่ดี ส่วนมากยกตัวได้ในช่วงสายถึงบ่ายและคาดว่าการระบายตัวของอากาศจะเป็นลักษณะนี้ต่อไปอีก 2 – 3 วัน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกหมู่บ้านจัดชุดลาดตระเวนประจำหมู่บ้าน โดยบูรณาการกำลังร่วมกันทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ป่าไม้ อุทยาน ชรบ. ผู้ใหญ่บ้าน อปท. ผู้หาของป่า และอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังสำรวจทุกพื้นที่ ทั้งเขตป่าไม้ อุทยานฯ พื้นที่ผ่อนผันเพื่อการเกษตร และพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชนทั่วไป ที่จำเป็นต้องบริหารจัดการเชื้อเพลิง ซึ่งชุดปฏิบัติการประจำหมู่บ้านทุกชุด จะลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการดับไฟอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป