เชียงใหม่จับเพิ่มอีก 47 ราย ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว พบบางรายดื่มสุราติดลมกลับไม่ทัน เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
วันที่ 7 เมษายน 2563 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานผลการปฏิบัติงาน ตั้งด่านจุดตรวจและจุดสกัดตามมาตรการ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่ไม่อนุญาตให้ออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับผลการปฏิบัติงานช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้ทั้งหมด 47 ราย โดยในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ 4 สถานีตำรวจ ประกอบด้วย สภ.เมืองเชียงใหม่ สภ.แม่ปิง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวช และ สภ.ช้างเผือก สามารถจับกุมได้มากที่สุดรวม 23 ราย โดยผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อหา “ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้น หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่”
พล.ต.ต.พิเชษฐ จิระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกจับได้มักจะบอกว่ารู้ว่ามีการประกาศเคอร์ฟิว ไปธุระและไปหาเพื่อนแล้วลืมดูเวลาจึงทำให้กลับไม่ทัน ล่าสุดมีหญิงสาวรายหนึ่งบอกว่าไปหาเพื่อนที่หอพักแล้วกลับไม่ทัน เจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนกรณีดื่มสุรายังพบว่ามีอยู่ ไปดื่มแล้วเพลินกลับไม่ทันเคอร์ฟิว ยิ่งถ้ามาเจอด่านด้วย เจ้าหน้าที่ก็ต้องจับวัดแอลกอฮอล์ นอกจากจะโดน พรก.ฉุกเฉินฯ แล้ว ยังโดนคดีเมาแล้วขับเพิ่มเข้าไปอีก อยากจะฝากย้ำประชาชนให้ความร่วมมือกับทางราชการ เจ้าหน้าที่ไม่อยากจับกุมใคร เพราะด้วยเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่จากไวรัสโควิด-19 ถ้ามาโดนจับแล้วโดนปรับก็ไม่คุ้ม และต่อจากนี้จะขยายเวลามาตรวจสอบในช่วงเวลากลางวันด้วย หากพบว่าในที่สาธารณะต่างๆ มีการรวมตัวกันมากๆ โดยไม่มีความจำเป็น ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการตรวจสอบและจับกุมโดยไม่มีข้อยกเว้น
