ยาบ้าทะลักเหนือ! ตำรวจแถลงจับกุมแก๊งค้ายา 3 ราย ยึดของกลางเกือบ 18 ล้านเม็ด หลังลักลอบลำเลียงผ่านช่องทาง อ.เวียงแหง-ฝาง

3701

ยาบ้าทะลักเหนือ! ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงจับกุมแก๊งค้ายา 3 ราย ยึดของกลางเกือบ 18 ล้านเม็ด หลังลักลอบลำเลียงผ่านช่องทาง อ.เวียงแหง-ฝาง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 1) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 , นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ ฝ่ายทหาร , ตชด. , สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการสกัดกั้นและจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ โดยจับกุมกลุ่มขบวนการ 3 ราย ผู้ต้องหา 5 คน และตรวจยึดของกลางยาบ้าจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,826,000 เม็ด ซึ่งการจับกุมทั้งหมดเป็นช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

โดยรายแรก เมื่อวันที่ 29 พ.ค.63 เวลาประมาณ 03.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสกัดกลุ่มขบวนการที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่บ้านหินแตง ม.6 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ขณะกลุ่มคนร้าย 8-10 คน ได้สะพายเป้สีดำเดินมาตามเส้นทางในภูมิประเทศ ทางเจ้าหน้าที่เห็นได้ขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทิ้งเป้สะพายแล้ววิ่งหลบหนีไป และเมื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุพบของกลางเป้ที่คนร้ายทิ้งไว้รวมทั้งสิ้น 11 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,100,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดและนำของกลางทั้งหมดส่งให้ สภ.เวียงแหง ปัจจุบันอยู่ในระหว่างหารตรวจสอบขยายผลการจับกุมต่อไป

ขณะที่รายที่สอง เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 21.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ สภ.ฝาง ได้ร่วมกันทำการสกัดจับผู้ต้องหา 2 ราย บริเวณหน้าตู้ยามสายตรวจแม่งอน พื้นที่ ม.2 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ แต่ระหว่างการสกัดจับผู้ต้องหาได้ขัดขืนหลบหนีและพยายามต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ทำให้เกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ และทำให้ นายปกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ถูกยิงเสียชีวิต และจับกุม นางสุรีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี พร้อมทั้งรวจยึดของกลางที่อยู่ภายในรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์สีฟ้า ทะเบียน นX 8XXX เชียงใหม่ รวมจำนวน 18 กระสอบ ภายในบรรจุจาบ้าจำนวนรวมประมาณ 1,726,000 เม็ด นำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ฝาง ดำเนินคดี

ส่วนรายที่สาม เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 02.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ สภ.ฝาง พร้อมด้วย ชปส.ศอ.ปส.ภ.5 , ชุดสกัดกั้นแนวชายแดน ภ.5 , ศป.บส.ชน. , เจ้าหน้าที่ กกล.ผ่เมือง , ตชด.334 , ปปส.ภาค 5 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันทำการสกัดจับผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายสุทัศน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ชาว อ.กุมภาวาปี จ.อุดรธานี , นายยอดรัก (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี และ น.ส.ณิศมน (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยของกลางยาบ้าที่ซุกซ่อนภายในรถกระบะโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ยต 628 นครราชสีมา ดัดแปลงติดโครงหลังคาตู้ทึบ จำนวน 77 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า รวมทั้งสิ้นประมาณ 14,000,000 เม็ด ขณะผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อรอพ้นช่วงระยะเวลาเคอร์ฟิว และเตรียมนำยาเสพติดทั้งหมดไปส่งที่กรุงเทพฯ โดยจากการสืบสวนทราบว่าทั้งหมดได้รับเงินค่าจ้างจากการลำเลี้ยงยาเสพติดครั้งนี้ ประมาณ 700,000 บาท โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลางและเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลถึงที่มาของยาเสพติดเพื่อติดตามจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป

ทั้งนี้ทางด้าน พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 1) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่พบว่ามีการแพค่ระบาดและการลักลอบลำเลียงมากขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ โดยกลุ่มขบวนการเหล่านี้จะอาศัยช่องทางตามแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้านเป็นช่องทางในการนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ โดยช่วงหลังจะเห็นได้ว่ากลุ่มขบวนการจะอาศัยการขนลำเลียงในปริมาณมหาศาล เพราะเนื่องจากการกดดันและการสกัดกั้นอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้ปริมาณของยาเสพติดไม่มีช้องทางระบายและอาศัยการลักลอบเข้ามาให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ยังคงต้องตรึงกำลังและปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นในการช่วยกันสกัดกั้นขขวนการยาเสพติดเหล่านี้ และอยากขอกำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังคงเข้มข้นในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกำแพงในการป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเหล่านี้หลุดลอดเข้ามาในพื้นที่ได้ เพราะหากยาเสพติดจำนวนมหาศาลเหล่านี้สามารถหลุดลอดเข้ามาได้ก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้

ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า จากการดำเนินการป้องปรามขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ จะเห็นได้ว่ากลุ่มขบวนการยาเสพติดเหล่านี้ จะหาวิธี และช่องทางที่จะนำยาเสพติดเข้ามาให้ได้ทุกวิถีทาง และพบว่าจำนวนหรือปริมาณที่ขนลำเลียงมานั้นมีจำนวนมหาศาล โดยกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังที่เป็นนายทุนใหญ่ จะอาศัยการว่าจ้างคนให้ลำเลี้ยง โดยใช้แรงจูงใจเป็นเงินค่าจ้าง อย่างเช่นกรณีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ลักลอบลำเลียงยาบ้า 14,000,000 เม็ด พบว่ากลุ่มขบวนการนี้จะได้รับค่าจ้างจากผู้ว่าจ้างถึง 700,000 บาท หากนำของกลางทั้งหมดส่งถึงจุดหมายปลายทาง นอกจากนี้แล้วกลุ่มขบวนการเหล่านี้ยังมีวิธีกานลำเลียงยาเสพติดอีกหลากหลายวิธีทั้งการลำเลียงผ่านพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน การลำเลียงด้วยรถบรรทุก รวมทั้งการส่งผ่านบริษัทขนส่งต่างๆ ดังนั้นการดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะต้องบูรณาการการทำงานกันอย่างเข้มจ้นและต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้ก็จะต้องมีการขยายผลการจับกุมเพื่อติดตามขบวนการเบื้องหลังต่อไป