แพทย์เตือน! กิน “ลูกเนียงดิบ” ปริมาณมาก เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน (ปี 2559-2563) พบเหตุการณ์อาหารเป็นพิษ จากการรับประทานพืชทุกปี รวม 7 เหตุการณ์ จําแนกเป็น พิษจากกลอย 3 เหตุการณ์ พบผู้ป่วยรวม 65 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย พิษจากสบู่ดํา 1 เหตุการณ์ (ผู้ป่วย 5 ราย) พิษจาก ว่านจักจัน 2 เหตุการณ์ (ผู้ป่วย 2 ราย) และล่าสุดพบจาก พิษลูกเนียง 1 เหตุการณ์ (ผู้ป่วย 1 ราย)
โดยเหตุการณ์ล่าสุดดังกล่าว พบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทาน “ลูกเนียง” ดิบปริมาณมากจิ้มน้ำพริก ในพื้นที่จังหวัดตาก โดยมีอาการ ปวดแน่นท้องน้อย ปัสสาวะลําบากมากเป็นเลือดแดงสด และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปัสสาวะไม่ออก ผลตรวจปัสสาวะพบตะกอนเหลืองขุ่น เมื่อส่องกล้องจุลทรรศน์พบผลึกรูปเข็ม ของกรดอะมิโนชื่อกรดเจงโคลิก และมีเม็ดเลือดแดงปนออกมาจํานวนมาก ตรวจเลือดพบว่ามีภาวะไตวายเฉียบพลัน
คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทาน “ลูกเนียง” ได้ เนื่องจากในช่วงนี้ ของทุกปีเป็นฤดูกาลที่ต้นลูกเนียงเริ่มให้ผลผลิตและออกสู่ตลาด ทําให้ประชาชนเก็บหรือซื้อมารับประทาน ซึ่งการรับประทานในปริมาณที่มากจะทําให้เกิดอาการป่วยจากอาหารเป็นพิษได้
โดย “ลูกเนียง” หรือ “เมล็ดเนียง” ประชาชนภาคใต้นิยมกินกับน้ำพริกหรือแกงพุงปลา หรือนํามาต้มทําของหวาน ส่วนที่นําไปกินคือเมล็ดข้างในเปลือก มีกลิ่นฉุน รสชาติมัน อร่อย กินได้ทั้งผลอ่อนและแก่ ลูกเนียงมีสรรพคุณช่วยควบคุมเบาหวาน และขับปัสสาวะ แต่ในด้านความเป็นพิษพบว่ามีสารพิษที่เรียกว่า “กรดเจงโคลิค” เป็นกรดอะมิโนที่มีกรดกํามะถันสูงมาก สารพิษชนิดนี้จะทําลายระบบประสาทของไตให้เสื่อมลง หากอาการรุนแรงจะทําให้ไตล้มเหลวจนถึงเสียชีวิตได้
อาหารเป็นพิษจากลูกเนียงโดยทั่วไปพบได้น้อย โดยรายที่มีอาการพบว่ากินลูกเนียงดิบปริมาณมาก แล้ว 2-14 ชั่วโมงต่อมา จะมีอาการทางไต ปวดบริเวณขาหนีบ ปัสสาวะลําบากและปวดปัสสาวะมาก น้ำปัสสาวะขุ่นขั้นเป็นสีน้ำนม และอาจปัสสาวะเป็นเลือด บางรายมีอาการปวดท้องเป็นพักๆ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน ในรายที่รุนแรงขึ้นอาจปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเรียกว่าเป็น “นิ่ว” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “มัด” และอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองใน 3-4 วัน บางรายมีไข้ต่ำ ปัสสาวะน้อยและมีความดันโลหิตสูงได้
กรมควบคุมโรค ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการกินพืชที่เข้าใจว่ากินได้ ซึ่งหากกินในปริมาณ มากเกินไปหรือไม่ทําให้พิษในพืชน้อยลงหรือหมดไป อาจทําให้เป็นอันตรายได้ จึงควรสืบค้นหรือถามข้อมูลก่อน ส่วนวิธีการลดพิษในลูกเนียงให้น้อยลงคือ นําเมล็ดไปเพาะในทราย ให้มีหน่อต้นอ่อนงอกออกมา หรือนําเมล็ด ไปต้มให้สุก หรือหั่นชิ้นบางๆ แล้วนําไปตากแดดก่อน และหากมีอาการสงสัยอาหารเป็นพิษจากลูกเนียง หรือ หลังกินพืชบางชนิดแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน มึนงง ให้รีบไปพบแพทย์และบอก ประวัติการกินอาหารที่สงสัยให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อให้การรักษาได้ถูกต้องและทันเวลา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422