ช่วงเย็นที่ผ่านมา คนต่างด้าว ก่อเหตุใช้มีดคัตเตอร์แทงคนขับรถ จยย.จอดคุยโทรศัพท์ อย่างไม่ทราบสาเหตุ ตร.คุมตัวได้ทันควันก่อนส่งตัวดำเนินคดี
เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 11 ก.ค.63 ทาง พ.ต.ท.อำนาจ ทองแท้ สว.(สอบสวน) สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณถนนช้างเผือก ซ.2 ด้านหน้าช้างเผือกเรสซิเดนท์ ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ และทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ จึงได้รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งประสานทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบพลเมืองดีพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวชายเร่ร่อนชาวต่าวด้าว อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุโดยเจ้าตัวอยู่ในอาการมึนเมาสุรา นอกจากนี้พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายไทย ทราบชื่อคือ นายดนัย อายุ 45 ปี มีบาดแผลถูกมีดคัตเตอร์ปักเสียบคาอยู่บริเวณชายโครงหลังด้านขวา ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมแพทย์ต้องช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาลและนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ทันที
ขณะเดียวกันจากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายดนัย ผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขับรถจักรยานยนต์มาตามเส้นทาง จนกระทั่งถึงบริเวณดังกล่าว ได้จอดรถเพื่อคุยโทรศัพท์ แต่ระหว่างที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้น จู่ๆ ชายผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวก็เดินตรงเข้ามาหาซึ่งขณะนั้นทางผู้บาดเจ็บก็ไม่ทันได้สังเกต ระหว่างนั้นชายผู้ก่อเหตุก็ได้ใช้อาวุธมีดคัตเตอร์แทงเข้าที่บริเวณชายโครงด้านหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะมีพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยและจับตัวชายคนก่อเหตุไว้ได้
ขณะเดียวกันหลังจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมชายผู้ก่อเหตุรายนี้มายัง สภ.ช้างเผือก เพื่อทำการสอบสวน โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ชายคนก่อเหตุนี้มีอาการมึนเมาสุรา ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง และอาศัยรับจ้างทำงานทั่วๆ ไปอยู่แถวๆ ย่านที่เกิดเหตุมานานแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ชายคนนี้ก็เคยถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้งเกี่ยวกับเป็นบุคคลต่างด้าว และไม่มีบัตร และถูกปล่อยตัวออกมา จนกระทั่งมาก่อเหตุครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย” จากนั้นได้ทำการนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป