(มีคลิป) ตร.พร้อมแพทย์นิติเวช นำศพพยานปากเอกคดี “บอส ทายาทกระทิงแดง” กลับมาตรวจอีกครั้ง หลังทำพิธีที่บ้านเกิด เร่งหาข้อเท็จจริง ปมเงือนงำการเสียชีวิต
เมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 2 ส.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บริเวณแผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พล.ต.ต.พิเชษฐ จิระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการนำศพของ นายจารุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญในคดีของ “บอส อยู่วิทยา“ ที่ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตช่วงกลางดึกของวันที่ 30 ก.ค.63 ที่ผ่านมา เนื่องจากขับรถชนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ขับอยู่บนถนน และต่อมาหลังการตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งผู้ติดตามข่าว มีการตั้งข้อสงสัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่ามีเงื่อนงำเบื้องหน้าเบื้องหลังการเสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวชได้มีการตรวจชันสูตรไปแล้วครั้งหนึ่งไม่พบว่ามีสิ่งผิดปรกติ และได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตให้ทางญาตินำกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านเกิด ในพื้นที่ อ.พาน จ.เชียงราย ตามที่มีการนำเสนอข้อมูลไปก่อนหน้านี้
โดยทางด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ จิระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภายหลังจากการติดตามนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง ต่อจากนี้จะเป็นขั้นตอนของการชันสูตร โดยทุกขั้นตอนจะทำโดยละเอียดอีกครั้ง ต้องเรียนว่าผู้ตายมีชื่อเกี่ยวข้องกับคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ประกอบกับท่านนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการมา จึงได้รีบประสานกับญาติ และเดินทางไปรับศพกลับมาเก็บไว้ที่นิติเวชเพื่อชันสูตรตอบข้อสงสัยอีกครั้ง ต่อจากนี้ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อมีคสามตรงไปตรงมา ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าซิมโทรศัพท์ของ นายจารุชาติ ได้หายไปจากโทรศัพท์มือถือในที่เกิดเหตุ ขณะนี้ได้โทรศัพท์มือถือกลับมาจากทางญาติแล้ว ซึ่งจะมีการนำเข้าไปสู่กระบวนการตรวจสอบต่อไป เพื่อให้เกิดความกระจ่างในประเด็นนี้
ขณะที่ทางด้าน ศ.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคลศาตราจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สาเหตุการตายที่มีการสรุปในครั้งแรก นั้นขอให้เป็นหร้าที่ของพนักงานสอบสวนเป็นคนชี้แจง เพราะมีจรรยาบรรณในวิชาชีพของแพทย์อยู่ แต่ขณะนี้การตรวจสอบจะมีความยากมากขึ้น เพราะเสียชีวิตมาหลายวัน ประกอบกับมีการฉีดฟอร์มาลีนไปแล้ว อย่างไรก็ตามก็จะต้องดูภาพที่เกิดเหตุ ภาพวงจรปิดต่างๆก่อน แล้วกลับมาตรวจสอบที่ศพอีกครั้ง ทุกฝ่ายจะมาร่วมกันตรวจสอบเพื่อให้เกิดความสบายใจของพี่น้องประชาชน