ยันไม่พบสิ่งผิดปรกติ### ยันไม่พบสิ่งผิดปกติสาเหตุการตาย “จารุชาติ” พยานปากเอกคดี “บอส กระทิงแดง” หลังผ่าตรวจรอบสอง ทีมแพทย์เผยสาเหตุหลักเกิดจากเลือดออกที่บริเวณฐานสมองขณะที่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงถึง 218 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ส.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่าที่ห้องประชุมอาคารบุญสม มาร์ติน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , รศ.พญ.กานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และ อ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการชันสูตรศพครั้งที่ 2 ของ นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากเอกคดี “บอส กระทิงแดง” ที่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์เสียชีวิตเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 30 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ช่วงค่ำวานนี้ได้มีการเคลื่อนย้ายศพของผู้เสียชีวิตจากบ้านเกิดที่ อ.พาน จ.เชียงราย เพื่อนำกลับมาทำการชันสูตรสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จากสาเหตุที่มีการตรวจพบเบาะแส และข้อผิดปกติ รวมไปถึงการตั้งคำถามถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของ นายจารุชาติ ว่าเป็นเพียงการประสบอุบัติเหตุ หรือมีปมเงื่อนงำแอบแฝงหรือไม่
โดยจากผลการชันสูตรนั้น ทางด้าน รศ.พญ.กานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ ได้เปิดเผยว่า จากผลการผ่าชันสูตรศพของผู้เสียชีวิตในครั้งที่ 2 นี้ ซึ่งมีการตรวจสอบบาดแผลหลักๆ ตามร่างกายผู้ตายคือบาดแผลถลอก และพบบาดแผลถลอกเป็นแผลใหญ่ที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย และที่บริเวณบ่า ซึ่งเมื่อได้มีการผ่าตรวจภายในก็พบว่ามีเบือดออกที่บริเวณฐานสมองจำนวนมาก เนื่องจากที่บริเวณฐานสมองนั้นมีก้านสมองอยู่ โดยก้านสมองเป็นอวัยวะที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ และการหายใจ ดังนั้นการมีเลือดออกที่บริเวณดังกล่าวจะส่งผลทำให้เสียชีวิตได้ค่อนข้างเร็ว นอกเหนือจากนั้นแล้วยังตรวจพบว่ามีกระดูกซี่โครงที่บริเวณด้านหลังซ้ายหัก ซึ่งเป็นลักษณะของการหักก่อนเสียชีวิต และมีซี่โครงอีกหลายซี่ด้านหน้าหักแต่เป็นลักษณะของการหักในช่วงที่เสียชีวิตแล้ว หรือกำลังจะเสียชีวิต ซึ่งเข้าได้กับการปั๊มหัวใจ นอกจากนี้บริเวณช่องท้องที่บริเวณไขมันพอกตับและที่ม้ามพบมีการแตก 2 ที่ โดยหนึ่งในที่นั้นค่อนข้างลึก อีกทั้งมีไตข้างซ้ายปริมีเลือดออกในช่องท้อง 1,500 มิลลิลิตร ซึ่งในครั้งแรกทำการชันสูตรไม่ได้มีการผ่าตรวจที่บริเวณลำคอเนื่องจากเป็นกรณีรถเฉี่ยวชนตามปกติ แต่หลังจากครั้งที่ 2 ที่ได้นำศพมาทำการชันสูตรซ้ำอีกครั้ง ได้มีการชันสูตรอีกรอบ โดยมีการเชิญ อ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการผ่าตรวจเพิ่มเติมในบริเวณลำคอ
โดยภายหลังการตรวจชันสูตร และมีการพูดคุยกันในเบท้องต้นได้มีการสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตซึ่งมาจากการมีเลือดออกที่บริเวณฐานสมอง เนื่องจากการที่มีการตรวจสอบบาดแผลภายนอกตามร่างกายพบว่ามีแผลที่บริเวณศีรษะ และไหล่ กระแทกลงไปที่บริเวณที่ไม่มีคมแล้วมีการสะบัดเกิดขึ้น ทำให้มีการปริของเส้นเลือดที่บริเวณฐานสมอง แล้วทำให้มีเลือดออกที่บริเวณนั้นจนเสียชีวิต แต่เนื่องจากมีข้อข้องใจหลายข้อที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ทางการชันสูตรจึงได้มีการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เป็นตัววัดอีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการตรวจสอบทั้งครั้งแรกและครั้งที่ 2 พบว่าบาดแผลของผู้เสียชีวิตนั้นสอดคล้องกับการเคลื่อนที่ กระแทกกับวัตถุไม่มีคมที่มีพื้นผิวหยาวและทำให้เกิดการสะบัดของบริเวณศีรษะ ทำให้เส้นเลือดที่บริเวณฐานสมองฉีกขาดและมีเลือดออกในรอบๆ ก้านสมอง
ทางด้าน อ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ เปิดเผยว่า จากผลการตรวจชันสูตรเพิ่มเติมที่บริเวณลำคอนั้นพบว่า ไม่มีรอยช้ำ ไม่มีเลือดออก บริเวณกล้ามเนื้อคอก็ไม่พบร่องรอยของถูกบีบ หรือการทำร้ายแต่อย่างใด และนอกจากนี้ก่อนที่จะมีการผ่าชันสูตรอีกรอบก็ได้มีการเอาร่างของผู้เสียชีวิตไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ จากหัวจรดเท้าอีกรอบเพื่อตรวจสอบดูว่ามีร่องรอยของกระสุนหรือวัตถุต่างๆ หรือไม่ ซึ่งผลก็พบว่าไม่มีร่องรอยของโลหะหรือหรือสิ่งที่ระบุว่าเป็นกระสุนในร่างของผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ในการตรวจสอบชันสูตรในครั้งที่ 2 นี้ ยังคงพบร่องรอบบาดแผลเหมือนเดิมเช่นเดียวกับการตรวจชันสูตรในครั้งแรก แต่ในส่วนของเลือดในท้องนั้นได้มีการล้างเช็ดไปหมดแล้วจึงไม่สามารถตรวจได้ ส่วนค่าปริมาณแอลกอฮอลล์ที่ตรวจพบในเลือดของผู้เสียชีวิตนั้นพบว่ามีประมาณ 218 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยืนยันว่าในการตรวจชันสูตรในรอบที่ 2 นี้ ยังไม่พบสิ่งผิดปรกติ หรือผลที่แตกต่างจากในการตรวจรอบแรกแต่อย่างใด
ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในคดีนี้จากพยานหลักฐาน จากกล้องวงจรปิด รวมถึงพยานบุคคล เบื้องต้นตอนนี้สรุปได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะเรามีการตรวจสอบกล้องทุกจุดทุกเส้นทางที่ทั้งสองขับรถ โดยเริ่มต้นทั้งสองไปนั่งดื่มสุราที่ร้านขายสุรา ย่านพืชสวนโลก ถนนคันคลองชลประทาน ในเวลาราวๆ 22.00 ของคืนวันที่ 29 ก.ค. ทั้งสองไม่ได้มาพร้อมกันแต่นายสมชาย ตาวิโน มาก่อน และนั่งข้างใน นายจารุชาติ มาที่หลังนั่งหน้าร้าน และนั่งคนละโต๊ะ พอร้านปิดนายสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปีคู่กรณีก็หยิบเหล้าออกจากร้าน และมาเจอนายจารุชาติ ผู้ตายนั่งคนเดี่ยวหน้าร้าน นายสมชาย จึงชวนนายจารุชาติ ที่พึ่งรู้จักกันคุย ตามประสาคนเมา ซึ่งตรงนี้มีพยานกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลภายในร้าน จากนั้นเมื่อคุยกันถูกคอ ก็มีการชวนกันไปต่อร้านสาว แถวสันติธรรม ซึ่งตรงนี้พยานที่อยู่ที่ร้านอาหารเราก็ทำการสอบสวนไว้หมดแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองก็ขับขี่ และทักทายกันตลอดเส้นทาง จากพืชสวนโลก มาที่สันติธรรม ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร จนมาประสพอุบัติเหตุนายจารุชาติ ขับจะแซง และเฉียวใส่รถนายสมชาย จนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตดังกล่าวขึ้น ซึ่งจากวงปิดตลอดส้นทางที่ทั้งสองขับรถตามกันไม่มีคนอื่นใดขับรถนำหน้า หรือตามหลัง จนหลังเกิดเหตุก็มีกู้ภัยและพลเมืองดีมาช่วย ซึ่งเราก็สอบปากคำทุกคนไว้หมดแล้ว ซึ่งการสรุปเบื้องต้นคดีนี้น่าจะเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนี้ก็รอผลจากการตรวจทุกอย่างให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อจะได้ชี้แจ้งทุกประเด็นให้ตอบข้อสงสัยของสังคมให้ได้ทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องที่ผู้ตายทำงานให้อดีต สว. และมีสปอนเซอร์เป็นเครือกระทิงแดง ตรงนี้เราก็กำลังตรวจเช็คให้ลึกๆ เพื่อให้ได้ข้อกระจ่างทุกข้อสงสัย