ยังไม่จบ‼️ จนท.พิสูจน์หลักฐาน นำทีมลงตรวจจุดเกิดเหตุละเอียดยิบ หาร่องรอยเบาะแสการเสียชีวิต “นายจารุชาติ” พยานปากเอกคดี “บอส อยู่วิทยา”

โดยจากผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนั้นทราบว่า ในคืนเกิดเหตุของวันที่ 29 ส.ค.63 ทาง นายจารุชาติ ผู้เสียชีวิต และ นายสมชาย ผู้บาดเจ็บ ได้ดื่มสุราที่ร้านขายสุรา ย่านพืชสวนโลก และหลังร้านปิดก็ได้มีการพูดคุยกันและพึ่งรู้จักกัน จากนั้นเมื่อคุยกันถูกคอ ก็มีการชวนกันไปต่อร้านสาว แถวสันติธรรม หลังจากนั้นทั้งสองก็ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามเส้นทาง จนมาถึงยังบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งนายจารุชาติ ขับจะแซง และเฉี่ยวใส่รถนายสมชาย ตามที่มีการสอบสวนพยานและการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดเกิดเหตุต่างๆ

ทั้งนี้ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้มีการนำอุปกรณ์มาวัดระยะทาง ตั้งแต่บริเวณที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันที่ขับตามกันมา ว่ามีระยะห่างมากน้อยเพียงใด ความเร็วเท่าไหร่ พร้อมเดินสำรวจเก็บภาพพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม และการรวบรวมหลักฐานอื่นๆ เช่นกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นของบริษัทเอกชน ที่ติดตั้งตามเส้นทางของจุดเกิดเหตุ รวมไปถึงหลักฐานร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นร่องรอยเฉี่ยวชน หรือร่องรอยของรถจักรยานยนต์ที่ล้มบนพื้นถนน ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดช่วงบ่าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการนำรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันมาจำลองสถานการณ์หรือการเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด โดยจากการเก็บข้อมูลและหลักฐานของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการรวบรวมหลักฐานในการนำไปดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าสาเหตุหรือการเกิดอุบัติเหตุนั้นมีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร

ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ทางผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางด้านพนักงานสอบสวนสภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้เชิญตัวพยานแวดล้อมซึ่งเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับนายชูชัย เลิศพงษ์อดิศร หรือสว.ก๊อง ที่ถูกพาดพิงเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับการตายของนายจารุชาติ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งหนึ่งในนั้นมี “นายหมู”อยู่ด้วย ซึ่งนายหมู คือบุคคลที่นำทรัพย์สินของนายจารุชาติมามอบให้กับญาติในวันรับศพนายจารุชาติ โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการเชิญตัวเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เขาให้การช่วยเหลือขณะเกิดเหตุมาสอบปากคำไปแล้ว ส่วนการเชิญตัวนายชูชัย เลิศพงษ์อดิศร มาสอบปากคำนั้น ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะมีการสั่งการดำเนินการต่อไป