(มีคลิป Video) จบด้วยดี! เหตุทหารปะทะตำรวจ วิวาทกันย่านสันติธรรม ล่าสุด ผกก.สภ.ช้างเผือก เรียกทั้งสองฝ่ายเจรจา เหตุเกิดจากเข้าใจผิดขับรถเขม่นกัน ส่วนอ้างยศ และลูกอดีตรองผู้ว่าฯ ลำปาง เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ยันไม่มีการชักอาวุธปืนข่มขู่แต่อย่างใด
วันที่ 20 สิงหาคม 2563 ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ที่ปรากฏบนโลกโซเชียล ที่มีกลุ่มชายวัยรุ่นชกต่อยทำร้ายร่างกายกันกลางถนนบริเวณด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 19 ส.ค. 63 ที่ผ่านมา และมีการระบุว่า กลุ่มบุคคลที่ปรากฏภายในคลิปเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจงสังกัดใน สภ.ช้างเผือก ส่วนอีกฝ่ายเป็นอาสาทหารพราน โดยสาเหตุนั้นเกิดจากขับรถแซงปาดหน้า และมีการเขม่นกัน ก่อนจะลงรถมามีการด่าทอมีปากเสียง และเกิดความวุ่นวาย รวมทั้งมีการใช้กำลังชกต่อยกันชุลมุน และในเวลาต่อมาหลังเกิดเหตุช่วงเช้าทางผู้เสียหาย เป็นชายที่ปรากฏภายในคลิปได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน ทราบชื่อคือ ส.ต.ท.กาจกมล ตันตระกูล ผบ.หมู่ ป. สภ.ช้างเผือก และต่อมา ภายหลังจากที่ทาง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก ทราบเรื่องจึงได้มีการตรวจสอบและดำเนินการสอบสวนเรื่องราว และติดตามบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ปรากฏภายในคลิปมาเจรจา ให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ตามที่มีข่าวปรากฏออกไปแล้วนั้น
โดยในวันนี้ (20 ส.ค. 63) เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ทาง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ได้ดำเนินเชิญตัว ส.ต.ท.กาจกมล ตันตระกูล ผบ.หมู่ ป. สภ.ช้างเผือก พร้อมด้วย นายธีรพงศ์ อาสาสมัครทหารพราน เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยพร้อมทั้งปรับความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย โดยภายหลังการพูดคุยกันเกือบ 1 ชั่วโมง ทั้งสองฝ่ายได้มีความเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้มีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ ซึ่งสร้อยคอทองคำ และกรอบพระแตก จำนวน 1 เส้น ของ ส.ต.ท.กาจกมล ได้รับความเสียหายดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาก่อเหตุทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกายให้เป็นอันตราย และทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ยินยอมให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 500 บาท โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงหากพบการกระทำใดที่เป็นความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
จากการสอบถามทางด้าน นายธีรพงศ์ ศิปัญญา อาสาสมัครทหารพราน ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏภายในคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้สืบเนื่องมาจากความเข้าใจผิดกัน โดยในคืนวันเกิดเหตุได้ขับรถและมีการเปิดไฟส่องใส่กัน จากนั้นก็ได้มีการจอดรถในจุดเกิดเหตุ และได้ลงมามีปากเสียงโต้เถียงกัน และประกอบกับในขณะนั้นก็เกิดความโมโหคุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงเกิดเรื่องราวทะเลาะวิวาทกันขึ้น และหลังจากเกิดเหตุก็ได้เข้ามาพบคู่กรณีและเจรจาเข้าใจกันแล้ว และไม่ได้มีการขับไล่กันแต่อย่างใด โดยตอนเกิดเหตุก็ขับรถมาเจอกันบริเวณใกล้กับจุดที่ปรากฏในคลิป ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าได้มีการชักอาวุธปืนมาข่มขู่นั้น ยืนยันว่าอีกฝั่งไม่ได้ใช้อาวุธแต่อย่างใด และหากมีอาวุธจริงก็อาจเกิดเหตุที่รุนแรงมากกว่านี้ เพราะเนื่องจากขณะนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็มีอารมณ์กันอยู่แล้ว และตนก็อยากฝากขอโทษสังคม รวมไปถึงประชาชนที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจ และเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากในคืนนั้นก็มีการส่งเสียงดังกันด้วย
ขณะเดียวกันทางด้าน ส.ต.ท.กาจกมล ตันตระกูล ผบ.หมู่ ป. สภ.ช้างเผือก คู่กรณีเปิดเผยว่า สาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ก็เกิดมาจากการขับรถ เนื่องจากถนนแคบ ประกอบกับที่มีการปะทะคารมซึ่งกันและกัน จนเกิดเหตุการณ์ที่ปรากฏภายในคลิปที่มีความรุนแรงดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าในวันเกิดเหตุนั้นตนได้มีการชักอาวุธปืนมาข่มขู่นั้นก็ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด และที่ระบุว่ามีการยกพวกรุมทำร้ายกันนั้นก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากในคืนเกิดเหตุทางฝั่งตนและคู่กรณีก็มากันฝั่งละ 2 คน ส่วนที่ปรากฏภายในคลิปที่เห็นว่ามีความชุลมุนวุ่นวายนั้นก็สืบเนื่องมาจากมีพลเมืองดีและประชาชน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียง ได้เข้ามาช่วยห้ามปราม ซึ่งภายในคลิปอาจปรากฏภาพที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด คิดว่ามีการยกพวกเข้าทำร้ายร่างกายกัน จนมองว่าเป็นเหตุรุนแรงขึ้น และจากการที่มีการพูดถึงตำแหน่งของทั้งสองฝ่ายว่าเป็นทหาร ตำรวจ รวมทั้งมีการระบุว่าเป็นลูกของอดีตรองผู้ว่า นั้นก็เนื่องมาจากความโมโหและอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งทางฝั่งตนก็อยากขอโทษประชาชน และชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงด้วย เนื่องจากในตอนเกิดเหตุอาจมีเสียงดังก่อความรำคาญรบกวน หรืออาจก่อความหวาดกลัว ส่วนในเรื่องของค่าเสียหายต่างๆ ก็ได้มีการเจรจากับคู่กรณีแล้ว ซึ่งก็มีความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายและทางคู่กรณีก็ได้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามที่มีการเจรจากันเรียบร้อยดี
อย่างไรก็ตามภายหลังจากการเจรจาปรับความเข้าใจกันแล้วนั้น ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความมีน้ำใจและความเข้าใจกันด้วยการจับมือและโอบกอดกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้มีการติดใจเอาความกันอีกแต่อย่างใด ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก ก็ได้มีการเน้นย้ำกับทั้งสองฝ่าย และพร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเพิ่มมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ซึ่งในส่วนของทาง ส.ต.ท.กาจกมล นั้นก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง หากพบการกระทำใดที่เป็นความผิดก็จะมีการลงโทษ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป