เชียงใหม่เตือนประชาชนการ์ดอย่าตก ป้องกันการระบาดโควิด-19 ระลอก 2 เตรียมประชุมชี้แจงแนวทางการจัดกิจกรรมที่รวมคนหมู่มาก

1006

คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เตือนประชาชนการ์ดอย่าตก เพื่อป้องกันการระบาดในระลอกที่ 2 พร้อมเตรียมประชุมชี้แจงและทำบันทึกข้อตกลงกับสถานประกอบการถึงแนวทางการจัดกิจกรรมที่รวมคนหมู่มาก 31 สิงหาคมนี้

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 63 ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในและนอกเขตจังหวัดเชียงใหม่ว่า จังหวัดเชียงใหม่ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มาเป็นเวลา 103 วันแล้ว ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยังคงอยู่ที่ 41 ราย และได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ในกลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องขัง กลุ่มอาชีพเสี่ยง แรงงานต่างด้าว และกลุ่มผู้ป่วยก่อนทำหัตถการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,104 ราย ซึ่งผลตรวจทั้งหมดไม่พบเชื้อ ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย 1 ราย และจากประเทศกาตาร์ 1 ราย และได้เข้ารับการเฝ้าระวังกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,222 ราย มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 117 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,397 ราย

สำหรับมาตรการการดูแลสำหรับคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขยังคงเข้มงวดทุกขั้นตอน โดยทุกคนจะต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน และตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง คือวันที่ 1-3 นับจากวันที่เข้ามาในประเทศ และวันที่ 10-13 ก่อนครบระยะเวลาการกักตัว เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศ และหากพบว่าป่วยหรือติดเชื้อจะนำเข้าสู่ระบบการรักษาทันที

ด้านการเตรียมความพร้อมของสถานประกอบการที่จะต้องจัดกิจกรรมที่รวมคนหมู่มาก เช่น ประเพณี คอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า ฯลฯ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จะได้เชิญผู้จัดงาน/กิจกรรม และผู้ประกอบการมาประชุมชี้แจงและทำบันทึกข้อตกลง ในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมงาน ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินการยุติกิจกรรมทันที และอาจถูกดำเนินคดีตาม พรก.ฉุกเฉิน และ พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่มีโทษจำคุก 1 ปีและปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

ในส่วนของกรณีข้อกังวลของประชาชนว่าจะเกิดการระบาดระลอก 2 หรือไม่นั้น การรักษาวินัยในการป้องกันตนเองทำให้เป็นนิสัยนับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทั้งการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและตลอดเวลาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ การล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ การกินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว การเว้นระยะห่างลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น การหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด เมื่อไปใช้บริการในสถานที่ต่าง ๆ ต้องลงทะเบียนเข้า-ออก หรือลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ รวมถึงผู้ประกอบการ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ยังต้องคงให้ความร่วมมือรักษามาตรการที่รัฐได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและช่วยรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป แต่หากเกิดการระบาดในระลอกที่ 2 ขึ้น ระบบสาธารณสุขของไทยก็มีความพร้อมที่สามารถรองรับการดูแลรักษาประชาชนได้ และขอความร่วมมือประชาชน ไม่ส่งต่อ ไม่แชร์ ไม่เชื่อ ข่าวปลอมที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ทั้งนี้สามารถติดตามข่าวสารที่ถูกต้องเชื่อถือได้ จากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และศูนย์ข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง