ซูเปอร์โพลเผย ประชาชนกว่า 70.8% หนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ชี้มีผลงานจับต้องได้มากกว่า “ธนาธร”

146

ซูเปอร์โพลเผย ประชาชนกว่า 70.8% หนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ชี้มีผลงานจับต้องได้มากกว่า “ธนาธร”

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 สํานักวิจัย ซูเปอร์โพล นําเสนอผลสํารวจกาคสนาม เรื่องประชาชนหนุนใคร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อํานวยการสํานักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นําเสนอผลสํารวจภาคสนาม เรื่อง ประชาชนหนุนใคร กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดย ดําเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จํานวน 1,645 ตัวอย่าง ดําเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 – 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พบว่าการรับรู้ของประชาชนที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้แก่ เมื่อปีที่แล้ว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บอกศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่ทราบ จําไม่ได้ เรื่องโอนหุ้น ร้อยละ 90.6 มีผลต่อความ น่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในขณะที่ร้อยละ 9.4 ไม่มีผล นอกจากนี้เมื่อปีนี้ ช่วงวิกฤตโควิด-19 กลุ่มนายธนาธรฯ ระดมเงินบริจาค แจกประชาชน แต่ไม่ได้แจกเงินทุนที่ได้มาให้หมดแก่ประชาชน ร้อยละ 90.3 มีผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในขณะที่ร้อยละ 9.7 ไม่มีผล

ในขณะที่ผลประมวลการรับรู้ของประชาชนที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า เมื่อประชาชนไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ๆ ทําให้มีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือ เด็กนักเรียนเยาวชนที่ยากจนพิเศษได้ทุนเรียนฟรี พ่อแม่ผู้ปกครองได้รับพัฒนาทักษะมีงานทํา กําลังขยาย ถึงปริญญาตรี ร้อยละ 69.7 มีผลในขณะที่ร้อยละ 30.3 ไม่มีผล นอกจากนี้ เมื่อไม่รู้ว่า รัฐบาลทําให้ประชาชน ปลูกไม้มีค่าขายได้ คนอยู่กับป่าได้ตามที่กฎหมายกําหนด และในเมืองมีระบบขนส่งรถไฟฟ้า ความเจริญ ด้านเทคโนโลยี เกิดขึ้นหลายแห่ง ร้อยละ 68,9 มีผล ในขณะที่ร้อยละ 31.1 ไม่มีผล

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อไม่รู้ว่า โครงการชิมช้อปใช้ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ร้อย ละ 69,4 มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ร้อยละ 30.6 ไม่มีผล นอกจากนี้ เมื่อประชาชนไม่รู้ว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้ซื้อสินค้าจําเป็นได้ ซื้ออุปกรณ์การเรียนได้ ซื้อวัสดุการเกษตร ได้ ซื้อตัวรถโดยสาร ตัวรถไฟได้ ร้อยละ 69.8 มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ร้อยละ 30.2 ไม่มีผล

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามว่า คนที่ทําให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่จับต้องได้ ประชาชนได้ประโยชน์ มากกว่ากันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.6 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ร้อยละ 17.1 ระบุ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และร้อยละ 6.3 ระบุอื่น ๆ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามว่า คนที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี มากกว่ากันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.8 สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ร้อยละ 19.2 สนับสนุน นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และร้อยละ 10.0 ระบุอื่น ๆ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสํารวจชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า วาทกรรมทางการเมืองที่แต่ละฝ่ายเร่งปลุกปั้น กระแสกันในขณะนี้ กับผลของการทํางานที่จับต้องได้ของผู้นําทางการเมืองแต่ละฝ่ายกําลังส่งผลต่อความ น่าเชื่อถือของประชาชนต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี อย่าง

ชัดเจน โดยพบว่า เมื่อประชาชนจําได้ว่า ปีที่แล้ว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บอกต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่ ทราบ จําไม่ได้เรื่องการโอนหุ้น และปีนี้มีเรื่องเงินบริจาคช่วงโควิด-19 ที่แจกเงินให้ประชาชนไม่หมดดัง ปรากฏตามข่าว กําลังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะได้รับผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือเพราะประชาชนไม่รู้เรื่องในผลงานที่ผ่านที่เกี่ยวกับ เด็กและเยาวชน เช่น กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาของรัฐบาล ที่ช่วยเหลือเด็กนักเรียน เยาวชน ยากจนพิเศษหลายแสนรายทั่วประเทศให้มีทุนเรียนฟรี มีเสื้อผ้านักเรียน อาหารฟรี อุปกรณ์การเรียนฟรี พ่อ แม่ผู้ปกครองได้รับการดูแลเรื่องสัมมาชีพ และกําลังจะขยายผลถึงระดับปริญญาตรีมีทุนเรียนฟรีแบบให้เปล่า เรียนจบมีงานทํา ซึ่งการไม่รู้ของประชาชนเหล่านี้มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นกัน

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ถ้าประชาชนจําผลงานที่จับต้องได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ เป็นผลดีส่งผลทําให้ประชาชนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปีที่แล้วมีเรื่อง ไม่ทราบ จําไม่ได้ เรื่องการโอนหุ้น กับปีนี้มีเรื่อง เงินบริจาคช่วงโควิด-19 ที่มี ผลต่อความน่าเชื่อถือของประชาชนต่อนายธนาธรฯ แต่การยุยง ปลุกปั่นกระแสการเมืองที่แรง ๆ ใช้การ สื่อสารข้อความการเมืองสั้น ๆ โดนใจคนรุ่นใหม่สามารถปั่นเบี่ยงเบนกลบกระแสแย่ ๆ ของฝ่ายการเมืองได้ และถูกผสมโรงรุมถล่มประเทศไทยจากฝ่ายการเมืองระหว่างประเทศที่กําลังรวมตัวกันสันคลอนเสาหลักของ ชาติในเวลานี้ ดังนั้น ถ้าคนไทยทั้งประเทศรู้เท่าทันไม่ทําตามการออกแบบชักจูงของต่างชาติ บ้านเมืองก็จะ ไม่วิกฤตแย่ลงไปมากกว่านี้อีก