รวบแล้วโจ๋รุมสกรัมหนุ่มไทใหญ่ สารภาพแค้นเพราะถูกทำร้ายก่อนเลยตามมาดักเอาคืน
วันที่ 1 กันยายน 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ช่วงเย็นของวันที่ 28 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกายชายจับขี่รถจักรยานยนต์ บริเวณซอยหลิ่งมื่น ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และได้มีพลเมืองดีบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ก่อนนำมาเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียล พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้ฟังคร่าวๆ ว่า ในวันดังกล่าวทางกลุ่ม กลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณ 18-20 ปี ได้ขับรถมาจอดและรวมกลุ่มกันบริเวณจุดเกิดเหตุ
ต่อมาได้มีชายหนุ่มอายุประมาณ 24-25 ปี ชาวไทใหญ่ ขับรถจักรยานยนต์ YAMAHA R15 สีแดง ป้ายทะเบียนเชียงใหม่ เข้ามาภายในซอยดังกล่าว โดยมีแฟนสาวนั่งซ้อนท้ายมา และเมื่อกลุ่มวัยรุ่นที่มารวมตัวกันก่อนหน้านั้น เห็นชายคนดังกล่าวขับรถเข้ามา ก็ได้พากันกรูเข้าไปรุมทำร้ายจนรถล้ม จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้จำนวนนับ 10 คน ก็ได้พากันรุมชกและเตะ รวมทั้งได้ใช้หมวกกันน็อกของหนุ่มคู่กรณีคนดังกล่าวฟาดใส่ชายคนดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บเลือดไหลอาบหน้า และร่างกาย แล้วหลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถหลบหนีไป โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีนั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (1 ก.ย.63) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่โจ้ นำโดย พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่โจ้, พ.ต.ท.เอกภณ คณุญาพงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.แม่โจ้ พร้อมพวก แจ้งว่าได้ร่วมกันติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว โดยจากการสืบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นชาย จำนวน 6 คน อายุตั้งแต่ 17-30 ปี ซึ่งมาจากหลายพื้นที่มารวมตัวกัน ส่วนผู้เสียหายที่ถูกรุมทำร้ายร่างกายทราบชื่อคือ นายปี ชาวไทใหญ่ อายุ 24 ปี ชาว ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ จากการซักถามกลุ่มผู้ก่อเหตุอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 27 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ทางกลุ่มของนายปี (ผู้เสียหาย) ประมาณ 10 คน ได้มารุมทำร้ายกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีก่อน ด้วยความแค้นจึงได้รวมกลุ่มกันกลับมาเอาคืนดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้เรียกตัวกลุ่มผู้กระทำผิด ทั้งสองกลุ่มมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.แม่โจ้ โดยทำประวัติกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นัดหมายกลุ่มคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาพบในวันที่ 2 ก.ย. 63 อีกครั้ง เพื่อสอบสวนดำเนินกฎหมายต่อไป
