สธ.เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย 3 ราย ติดโควิด-19 หลังจากเดินทางออกจากไทยไปญี่ปุ่น

3509

สธ.เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย 3 ราย ติดโควิด-19 หลังจากเดินทางออกจากไทยไปญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่าพบผู้เดินทางไปญี่ปุ่นติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) หลังเดินทางกลับจากไทย นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR national focal point) ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอบสวนโรค ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว

จากการตรวจสอบรายละเอียดในเบื้องต้น พบว่า ในช่วงที่ผ่านมามีกรณีผู้เดินทางจากไทยไปญี่ปุ่น ตรวจพบการติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 5 เหตุการณ์ (2 เหตุการณ์เดิมที่เคยรายงานไปแล้ว คือ เหตุการณ์ชายไทยอายุ 24 ปี และเหตุการณ์ชายญี่ปุ่นอายุ 47 ปี) โดยพบเพิ่มอีก 3 เหตุการณ์ ดังนี้ รายแรกเป็นเพศชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 64 ปี (เป็นรายที่ 730 ของญี่ปุ่น) อาชีพผู้จัดการทั่วไป บริษัทแห่งหนึ่งในเขตบางนา เดินทางเข้าประเทศไทยและพักที่คอนโดย่านสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 59 เดินทางไปต่างประเทศครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนม.ค. 63 ซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว ในวันที่ 17 ส.ค. 63 ได้คืนห้องพักและย้ายไปพักไปที่โรงแรมย่านสุขุมวิท และได้เดินทางกลับญี่ปุ่นวันที่ 20 ส.ค. 63 เมื่อไปถึงสนามบินฮาเนดะได้มีตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลบวก

โดยจากการสอบสวนโรคผู้สัมผัสใกล้ชิดในกรณีดังกล่าว ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. 63 และวันที่ 9 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา พบผู้สัมผัส จำนวน 76 คน ในบริษัทที่ทำงาน โรงแรมที่พัก และคอนโดมิเนียม โดยเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 22 คน และเสี่ยงต่ำ 54 คน มีการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการในผู้สัมผัสทั้งหมด 50 คน ผลทั้งหมดไม่พบเชื้อแต่อย่างใด

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า รายที่สองเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 21 ปี (เป็นรายที่ 770 ของญี่ปุ่น) ที่อยู่เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เป็นนักศึกษา กำลังเดินทางไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น จึงตรวจโควิด 19 ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในวันที่ 27 ส.ค. 63 ให้ผลลบ เดินทางถึงญี่ปุ่นวันที่ 29  ส.ค. 63 ตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลบวก จากการสอบสวนโรคในประเทศไทยไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง  สำหรับรายที่สาม เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 44 ปี (เป็นรายที่ 790 ของญี่ปุ่น) ที่อยู่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เดินทางไปญี่ปุ่นทุก 3 เดือน เพื่อซื้ออะไหล่  โดยครั้งนี้เดินทางถึงญี่ปุ่นวันที่ 1 ก.ย. 63 ตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลบวก  ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคในประเทศไทย พบว่าในช่วง 14 วันก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น มีการเดินทางระหว่างที่ทำงานบริเวณถนนบางนา-ตราด และจ.ร้อยเอ็ด และมีการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ในวันที่ 28 หรือ 29 ส.ค. 63 ผลตรวจโควิด 19  เป็นลบ จึงมีการเดินทางในวันที่ 31 ส.ค. 63 ไปญี่ปุ่นกับเพื่อน 1 คน  ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดร่วมบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด มี 4 คน ได้แก่ ยาย ภรรยา ลูกชาย และหลานสาว ไม่มีใครป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ  อยู่ระหว่างการติดตามผู้สัมผัสรายอื่น และการตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสใกล้ชิด  หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ปฏิบัติตามหลักสากลในการป้องกันควบคุมโรค ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ.2548 (International Health Regulations : IHR 2005) ที่ได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศที่มีระบบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้มีการตรวจสอบติดตามและสอบสวนป้องกันโรคได้อย่างรวดเร็วทันทีเมื่อได้รับแจ้งข่าว และขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง