รัฐบาลเชิญชวนร้านค้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เผยกระแสตอบรับดี เตรียมลงพื้นที่ช่วยหาบแร่แผงลอยลงทะเบียนง่ายขึ้น
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเปิดลงทะเบียนร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากร้านค้าจำนวนมาก โดยข้อมูลการเปิดลงทะเบียนวันแรก ผู้ประกอบการร้านค้าสนใจเข้าร่วมแล้วกว่า 162,316 แสนร้านค้า แบ่งเป็นร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมมาตรการหรือโครงการของรัฐ จำนวน 113,488 ร้านค้า และร้านค้าใหม่จำนวน 48,828 ร้านค้า ทั้งนี้ เป็นร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจำนวน 140,254 ร้านค้า และขณะนี้มีร้านค้าทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนความกังวลเกี่ยวกับร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com นั้น ทางธนาคารกรุงไทย ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปหาร้านค้าด้วยตัวเอง โดยจะลงพื้นที่ตามชุมนุมตลาด เพื่อให้คำแนะนำพร้อมเชิญชวนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและร้านค้าหาบแร่แผงลอง ให้ทุกร้านค้าที่มีความประสงค์ได้เข้าร่วมโครงการอย่างทั่วถึง โดยเป็นแนวทางการลดช่องว่างการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการลงทะเบียนอีกวิธีคือ ติดต่อสาขาธนาคารกรุงไทย หรือให้ร้านค้าการแจ้งความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการไปยังหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. ฯลฯ โดยหน่วยงานท้องถิ่นจะรวบรวมความต้องการดังกล่าว เพื่อแจ้งธนาคารกรุงไทย ให้ช่วยดำเนินการต่อไป ดังนั้น จึงเชื่อว่าการเปิดลงทะเบียนร้านค้า มีความครอบคลุมทั่วถึงความต้องการ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ขอเชิญชวนร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการคนครึ่งละครึ่ง โดยเป็นมาตรการที่เน้นช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น กิจการประเภทร้านอาหารเครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป และผู้ประกอบการรายย่อย โดยต้องไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล และไม่เป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์ ทั้งนี้ รัฐบาลคาดหวังให้ผู้ค้าหาบแร่แผงลอย แม่ค้าพ่อค้าตามตลาดนัด ร้านค้าขนาดเล็ก ได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อบรรเทากระทบทางด้านเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19
สำหรับการประชาชนทั่วไป โครงการคนละครึ่ง จะเริ่มเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-23.00 น. จำนวน 10 ล้านคน เริ่มใช้จ่าย 23 ต.ค.-31 ธ.ค.2563 นี้