พี่เลี้ยงกอดเสือช่วยคลายเหงา หลังพิษโควิด-19 กระทบหนัก ทำนักท่องเที่ยวคุ้มเสือเชียงใหม่หายเกลี้ยง
วันที่ 4 ม.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ขณะนี้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย มีกระแสการเกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง ส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล และกระทบต่อการท่องเที่ยวหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ในช่วงปีใหม่นึ้จะเห็นได้ว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวนั้น ไม่คึกคักอย่างเช่นในหลายๆ ปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกันกับที่ ที่คุ้มเสือเชียงใหม่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงต้องเข้าไปเล่นกับเจ้าบ๊วยและเจ้าแบ้ง เสือโคร่งเบงกอล เพศผู้ วัย 7 ปี รวมทั้งช่วยลูบหัวเกาคางให้กับเจ้าน้ำมนต์และนะโม สองเสือชีต้า ได้ผ่อนคลายสบายอารมณ์ รวมทั้งเสือตัวอื่นๆ อีกหลายตัว โดยในแต่ละวันพี่เลี้ยงจะเข้าไปเรียกชื่อ กอด และ สัมผัสตัวเพื่อให้พวกมันคลายความเหงาและยังคงคุ้นเคยใกล้ชิดกับคน หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ซบเซาอย่างหนักจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จนทำให้แหล่งท่องเที่ยวเกือบทุกแห่งเงียบเหงาไร้ผู้คน เช่นเดียวกับที่คุ้มเสือแห่งนี้
จากการสอบถามทาง ส.พญ.ชนากานต์ อารีย์วงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสัตวแพทย์ บอกว่า การดูแลเสือช่วงปกติกับช่วงโรคโควิด 19 แพร่ระบาด เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ละวันจะมีทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล เข้ามาดูสุขภาพ โภชนาการ และ ความสะอาดทั้งในและนอกกรงเสือ ขณะที่ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตั้งแต่ระลอกแรกที่ทำให้คุ้มเสือต้องปิดไปนาน 3 เดือน จนถึงปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวหายไปมาก ได้ให้พี่เลี้ยงเข้าไปคลุกคลีสัมผัสวันละอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้พฤติกรรมเปลี่ยนจากการที่ไม่เจอผู้คนมานาน พร้อมกับมีโปรแกรมรับอาสาสมัครเข้ามาช่วยดูแลเล่นกับเสือไม่ให้เปลี่ยนนิสัย โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายในมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ด้าน นางอรพิน ชินวัตร ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า ปัจจุบันคุ้มเสือมีเสือโคร่งพันธ์เบงกอล ไซบีเรียน และ ชีต้า รวม 48 ตัว และทุกวันทางคุ้มเสือมีมาตรการความสะอาดและปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด โดนใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ ฉีดพ่นพื้นที่ในและนอกกรงเสือทุก 3 วัน ส่วนพนักงานและนักท่องเที่ยวต้องล้างมือและสวมหน้ากากอนามัย และ ตรวจวัดอุณหภูมิทุกคน นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมช่วยคลายเหงาให้กับครอบครัวเสือได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งยังได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดเชียงใหม่ไปพร้อมกัน