เชียงใหม่ยันไม่มีเด็ก 2 ขวบติดโควิด-19 ส่วนวันนี้พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 3 ราย 2 ราย เกี่ยวพันกับริเวอร์ไซต์ อีกรายยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
วันที่ 11 ม.ค. 64 ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่และสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ประจำวันที่ 11 มกราคม 2564
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จากที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกคำสั่งที่ 9/2564 ซึ่งเป็นเรื่องมาตรการการควบคุมการเดินทางของบุคคลที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะต้องมีเอกสารรับรองถึงความจำเป็นที่จะเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ โดยหนังสือดังกล่าวถ้าเป็นเอกสารรับรองความจำเป็นที่จะเดินทางเป็นการทั่วไป ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับรอง หรือจะเป็น ปลัด อปท. หัวหน้าสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนเอกสารรับรองการปฏิบัติหน้าที่ที่จะต้องขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิต ยา น้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ ก็ให้นายจ้างหรือผู้ประกอบการเป็นผู้รับรองเอกสาร ส่วนเอกสารรับรองความจำเป็นต้องติดต่อราชการให้หัวหน้าส่วนราชกาหรือหน่วยงานที่บุคคลไปติดต่อราชการเป็นผู้ออกเอกสารรับรองการติดต่อ
โดย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงความคืบหน้าการดำเนินงานสืบสวนโรค ในช่วงการระบาดเชื้อโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ที่พบการระบาดในสถาบันเทิงที่ผ่านมา สำหรับการตรวจหาเชื้อให้กับกลุ่มพนักงานและนักท่องเที่ยว ที่มาใช้บริการ ร้านริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ ในวันที่ 3-5 ม.ค. 64 สะสมจำนวน 162 ราย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปใช้บริการที่ร้านริเวอร์ไซด์ ในวันดังกล่าว สามารถเข้ารายงานตัวและรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง รวมถึงที่โรงพยาบาลประสาท เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ (12 ม.ค. 2564 เวลา 09.30-14.30 น.)
สถานการณ์การแพร่ระบาดจากกลุ่มสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 2 กลุ่มที่เชื่อมโยงกัน ทำให้ในวันนี้ พบผู้ป่วยโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่ม 3 ราย ได้แก่
ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 65(CM 65) ของจังหวัดเชียงใหม่ หญิงไทย อายุ 18 ปี ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นนักศึกษา เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 64 เริ่มมีอาการป่วย ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ถ่ายเหลว เข้ารับการตรวจที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 6 ม.ค. แต่ไม่มีประวัติเสี่ยงสัมผัส จึงไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แต่ได้รับการรักษาและรับคำแนะนำให้กลับไปพักที่บ้าน ผู้ป่วยพักที่บ้านตลอด วันที่ 8 ม.ค. อาการไม่ดีขึ้น จึงกลับไปตรวจที่รพ.อีกครั้ง และได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันที่ 10 ม.ค. 2564 รับรักษาตัวห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค เพื่อหาต้นตอและประวัติเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อ เบื้องต้นทราบว่าได้มีการไปร่วมงานเลี้ยงรวมญาติ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา ทางทีมสอบสวนโรคได้มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด เข้ามารับการตรวจหาเชื้อ รอผลตรวจช่วงค่ำวันนี้
ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 66 (CM 66) ของจังหวัดเชียงใหม่ หญิงไทย อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 55,56,58 และ BKK1 (นั่งร่วมโต๊ะที่ร้านริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ ในวันที่ 3 ม.ค.) และเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ได้รับแจ้งว่ามีเพื่อนติดเชื้อโควิด-19 จึงได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ผลเป็นลบ แต่ได้กักตัวที่บ้าน เนื่องจากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 เริ่มมีอาการไอ เจ็บคอ จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง(8 ม.ค.) ผลตรวจยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รับรักษาตัวห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์
ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 67(CM 68) ของจังหวัดเชียงใหม่ หญิงไทย อายุ 45 ปี ที่อยู่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อาชีพแม่ครัวร้านริเวอร์ไซด์ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นพนักงานในร้าน ไม่มีอาการใดๆ รับรักษาที่ห้องแยกความดันลบ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
“จากข้อมูลวันนี้ที่มีข่าวออกไปว่าพบผู้ติดเชื้อ 3 รายและมีเด็ก 2 ขวบอยู่ด้วยนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ในช่วงนี้มีเด็กอายุ 2 ขวบที่เข้ารับการตรวจมีแค่ลูกของผู้ติดเชื้อรายที่ 51 ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟวอร์มอัพ ผลการตรวจครั้งที่ 1 ยังไม่พบเชื้อ กำลังตรวจในครั้งที่ 2 ในวันนี้ ซึ่งยังรอผลการตรวจ จึงขอยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้ออายุ 2 ขวบในวันนี้เป็นข่าวเท็จ” หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อฯ กล่าว
“ทั้งนี้อยากจะฝากเตือนพี่น้องประชาชนขอให้พิจารณาเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางของทางราชการโดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนี้ อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม อาจทำให้สังคมสับสน และขอความร่วมมือไม่ส่งต่อหรือแชร์ข่าวเท็จผ่านสื่อออนไลน์ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อฯ กล่าว