(มีคลิป Video) ตร.เร่งล่าตัว กลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุรุมทำร้ายกระชากสร้อยเจ้าของร้านลาบ ล่าสุดพบเบาะแสแล้วอยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมีประมาณ 4-5 คนได้รุมทำร้ายชายคนหนึ่งบริเวณหน้าร้านคาราโอเกะไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ตรงข้ามสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคบ้านเด่น ถนนเชียงใหม่- ลำพูน ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งภายในคลิปจะเห็นได้ว่ามีการรุมทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีผู้เสียหายคือนายสุวิทย์ อายุ 35 ปี เป็นเจ้าของร้านลาบในละแวกดังกล่าวซึ่งได้มานั่งดื่มกินที่ร้านคาราโอเกะแห่งนี้ หลังจากเกิดเหตุพบว่าสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท ที่สวมใส่ขณะไปนั่งกินภายในร้านได้หายไป และได้นำคลิปดังกล่าวมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเพราะเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า และไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่ได้มีการนำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (10 ก.พ.64) นายสุวิทย์ สายหงษ์ทอง อายุ 35 ปี เจ้าของร้านลาบ ผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 3-4 คนรุมทำร้ายและกระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนักประมาณ 1 บาท ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเมืองเชียงใหม่เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางพนักงานสอบสวน
ซึ่งนายสุวิทย์ ผู้เสียหาย ได้เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนก็มานั่ง ดื่มคนเดียวตามปกติเลย ส่วนโต๊ะข้างๆ ก็นอนกันประมาณ 4 คน และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากนั้นฝ่ายของผู้ก่อเหตุก็ได้เช็กบิลออกจากร้านไปต้นก็ได้เดินออกไปสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน จากนั้นกลุ่มของผู้ก่อเหตุก็ได้วนรถกลับมา ต้นก็เลยทักว่าลายสักสวยดี จากนั้นเมื่อเดินเข้าไปพูดคุยกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้ผลักอกของนายสุวิทย์ โดยได้พูดออกมาว่ามีอะไรกับสามีตัวเองหนักหนาจากนั้นก็มีการรุมทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น ระหว่างที่ผู้เสียหายถูกรุมทำร้ายร่างกายตอนนั้นยังรู้สึกตัว และขณะที่ถูกกระชากสร้อยนั้นก็ได้แย่งล็อกเก็ตของสร้อยคอทองคำคืนเอามาได้
อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเมืองเชียงใหม่ สอบสวนปากคำผู้เสียหายเอาไว้และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่เกิดเหตุ ไปตรวจกล้องวงจรปิดบริเวณรอบๆ จุดเกิดเหตุเพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลที่มาก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายและกระชากสร้อยคอทองคำ ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป