ผบ.ตร ขึ้นเหนือ แถลงข่าวจับกุมยาเสพติดครั้งมโหฬารที่เชียงใหม่ ยึดของกลางยาบ้ากว่า 8 ล้านเม็ด เฮโรอีนอีกว่า 551 กิโลกรัม สั่งเข้มขยายผลกวาดล้างกลุ่มขบวนการเบื้องหลัง
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 64 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เดินทางเป็นประธานในการแถลงข่าวร่วมกับ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 ในการจับกุมขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมด้วย ของกลาง เฮโรอีน 1,400 แท่ง น้ำหนักประมาณ 551 กิโลกรัม ,
ยาบ้าประมาณ 8 ล้านเม็ด , รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ 2 คัน
โดยคดีแรก จับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.64 ที่ผ่านมา โดยมี นายปรีดา สงวนหงส์ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ 6 ต.เนินทราย อ.เมืองตราด จ.ตราด ตรวจสอบพบของกลาง เฮโรอีนซุกซ่อนในกระสอบปุ๋ย คลุมด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 17 กระสอบ ภายในบรรจุเฮโรอีนชนิดอัดแท่ง จำนวน 80 แท่ง รวมจำนวน 1,360 แท่ง , ซุกซ่อนในกระสอบคลุมด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 1 กระสอบ ภายในบรรจุเฮโรอีนชนิดอัดแท่ง จำนวน 40 แท่ง รวมเฮโรอีน จำนวน 1,400 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 551 ก.ก. อยู่ในรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ เลขทะเบียน 70 9612 นครราชสีมา , โทรศัพท์มือถือ และของกลางรายการอื่นๆ
สำหรับการจับกุมกลุ่มขบวนการยาเสพติดรายนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.64 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบมาว่า จะมีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ จ.ตราด โดยใช้รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ เข้ามาในพื้นที่ภาค 5 เพื่อลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ และจากการสืบสวนในห้วงวันที่ 11-13 ก.พ.64 พบชาย 1 คน คือนายปรีดา สงวนพงศ์ ได้ขับรถวนอยู่ในพื้นที่ อ.เชียงคำ , อ.จุน , อ.ดอกคำใต้ และ อ.ปง แล้วเข้าพักบริเวณตามปั๊มน้ำมัน หรือจอดรถบริเวณข้างถนน จึงได้สะกดรอยสืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งต่อมาช่วงเช้าวันที่ 14 ก.พ.64 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เรียกตรวจค้นรถยนต์บรรทุก 10 ล้อคันดังกล่าว ที่ด่านตรวจห้วยไร่ อ.เด่นชัย จว.แพร่ พบนายปรีดา สงวนหงส์ ขับรถมาแต่เพียงผู้เดียวตรวจค้นรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ พบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในกระบะบรรทุกโดยมีตะกร้าผลไม้วางทับอยู่ จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนคดีที่สอง จับกุมตัว นายวุฒิชัย นวลเกตุ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 60/2 หมู่ 4 ต.ดงมูลเหล็ก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลาง 1. ยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด , รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1966 ชัยภูมิ จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง โดยวานนี้ (15 ก.พ.64) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยไร่ ประจำด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ ปฏิบัติหน้าที่สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำหน้าที่คัดกรองรถประจำด่าน ได้เรียกตรวจรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1966 ชัยภูมิ โดยมี นายวุฒิชัย นวลเกตุ เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายวุฒิชัย ให้ข้อมูลว่าได้บรรทุกถ่านไม้ จะเดินทางไป จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ได้นำรถเข้าจุดตรวจค้นโดยใช้เหล็กแหลมเสียบเข้าไปในกระสอบถ่านไม้ ปรากฎว่าสามารถแทงทะลุผ่านกระสอบได้โดยง่าย ซึ่งจากการสันนิษฐานเบื้องต้น วัตถุภายในกระสอบไม่น่าจะใช่ถ่านไม้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียด พบเป็นยาบ้าจำนวน 40 กระสอบ พบยาบ้าบรรจุในกระสอบ 1 ใบ ประมาณ 200,000 เม็ด รวมยาบ้า 8,00,0000 เม็ด
จากการสอบถามในเบื้องต้น นายวุฒิชัย ให้การว่า ได้มี นายฉลวยศักดิ์ จันทร์แย้ม บ้านเลขที่ 14 หมู่ 2 ต.บ้านโคก อ.เมืองเพชรบูรณ์ และ นายกฤษณะ แก้วแท้ บ้านเลขที่ 128/2 หมู่ 11 ต.บ้านโคก อ.เมืองเพชรบูรณ์ เดินทางโดยรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียนผข 8378 เพชรบูรณ์ มารับตนเอง เพื่อให้ร่วมเดินทางไปซื้อรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ โดยให้ช่วยดูรถและขับรถด้วย นายฉลวยศักดิ์ และ นายกฤษณะฯ ได้ขับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อก่อนในช่วงแรก แต่พอมาถึงบริเวณสามแยกซึ่งไม่ทราบว่าเป็นจุดใดแน่ชัด บุคคลทั้ง 2 จึงสลับให้นายวุฒิชัย ขับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ จนถึงด่านตรวจห้วยไร่ และถูกจับกุมในที่สุด โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตาม จับกุม ผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ทั้งนี้ทางด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวว่า สำหรับการจับกุมขบวนการยาเสพติดทั้ง 2 คดีในครั้งนี้ ถือว่า เป็นการจับยาเสพติด มากสุดในประเทศที่เคยจับได้ โดยเฉพาะเฮโรอีนชนิดอัดแท่ง โดยจะเห็นได้ว่ากลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเหล่านี้จะมียุทธวิธีการในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปเรื่อยๆ หลากหลายวิธิการ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่พ้นการสังเกต และการตรวจจับของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเรื่องของการสังเกตความผิดปกติต่างๆ นั้นทางผู้บังคับบัญชาก็จะมีการนำบทเรียนของการจับกุมแต่ละครั้ง มาแลกเปลี่ยนความรู้กันภายใน เพื่อให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่เปลี่ยนไปของคนร้ายหรือกลุ่มขบวนการเหล่านี้ อย่างไรก็ตามในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในปริมาณมหาศาลเช่นนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้โดยละเอียด ตามเส้นทางการลำเลียง โดยเฉพาะในส่วนของช่องทางธรรมชาติ หรือเส้นทางแนวชายแดน ประกอบกับทางกลุ่มขบวนการเหล่านี้ก็มีการปรับเปลี่ยนเวลาที่เหมาะสมในการลักลอบลำเลียง แต่ถึงจะปรับเปลี่ยนหาวิธีแบบไหนก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงสามารถสกัดจับได้ ซึ่งเรียกกันว่า สงครามยาเสพติด จึงต้องมีความร่วมไม้ร่วมมือกันในการสกัดกั้น
นอกจากนี้ในส่วนของ เฮโรอีนล็อตที่จับกุมได้ครั้งนี้ถือเป็นล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับกุมได้ ซึ่งเชื่อว่าเฮโรอีนเหล่านี้มีไว้เพื่อส่งออก แต่ก็ยังมีเคสเช่น เคนมผง ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจากการตรวจสอบก็มี่ส่วนผสมของเฮโรอีนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงคาดได้ว่าทางกลุ่มขบวนการยาเสพติด ก็คงจะหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาขาย ส่วนวิธีซุกซ่อนยาเสพติดเหล่านี้จาการสังเกตก็คาดว่าน่าจะเป็นยุทธวิธีการของกลุ่มขบวนการในการปกปิด ป้องกันการตรวจเจอของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในส่วนของที่มาหรือกลุ่มขบวนการยาเพสติดที่อยู่เบื้องหลังนั้นก็จะต้องมีการตรวจสอบ หาองค์ประกอบของเคมีที่ใช้ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกันกับฐานข้อมูลที่มีอยู่เพื่อตรวจสอบต้นตอของกลุ่มขบวนการที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมทั้งการดำเนินการสืบสวนขยายผลกวาดล้างต่อไป