สาระน่ารู้ เครื่องดื่มผสมวิตามินซีสุดฮิตที่หลายคนเลือกซื้อมาดื่ม โดยคาดหวังจะได้รับประโยชน์จากวิตามินซีตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก แต่จะจริงหรือไม่นะ มาดูกัน
วิตามินซี ทำหน้าที่ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาท อีกทั้งยังช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยจัดเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่กินเข้าไป แต่รู้หรือไม่ว่า วิตามินซีในผลิตภัณฑ์อาหารเสื่อมสลายได้ง่ายมาก หากสัมผัสแสงแดดหรือความร้อน โดยปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณการสลายตัวของวิตามินซี ประกอบด้วย
1. อุณหภูมิ ความร้อน แสงสว่าง เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้วิตามินซีเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสลายตัวอย่างรวดเร็ว
2. ออกซิเจน วิตามินซีในรูปสารละลายจะไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศและเปลี่ยนเป็น Dehydroascorbic acid หรือเปลี่ยนเป็นสารอื่น
3. ประเภทและชนิดของผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารของเหลว หรือความชื้นสูง จะมีอัตราการสลายตัวเร็วกว่าอาหารที่มีลักษณะแห้ง หรือความชื้นต่ำ
4. ความเป็นกรด-ด่าง วิตามินซีจะคงตัวดีในสภาวะที่เป็นกรดและสลายตัวง่ายในสภาวะที่เป็นด่าง
5. ภาชนะบรรจุที่เป็นโลหะ เช่น เหล็กและทองแดง จะเร่งให้วิตามินซีสลายตัวเร็วกว่าขวดแก้วหรือพลาสติก
6. รูปแบบของวิตามินซีที่เติมลงในผลิตภัณฑ์ เช่น วิตามินซีในรูป L-ascorbate 2-polyphosphate มีการสลายช้ากว่า L-ascorbate 2-monophosphate และ L-ascorbic acid
เราสามารถป้องกันการสลายตัวของวิตามินซีในผลิตภัณฑ์อาหารได้โดย ออกแบบหรือเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ภาชนะบรรจุทึบแสง หรือแบบ Multi-layer material ควบคุมการขนส่งและสถานที่เก็บรักษาอย่างเหมาะสมโดยหลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด การใช้เทคโนโลยีการผลิตต่าง ๆ มาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันการสลายตัวของวิตามินซีได้ เช่น เทคโนโลยี Encapsulation หรือ ใช้สารช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน เป็นต้น
ดังนั้นผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์วิตามินซีในอาหารหรือเครื่องดื่มผสมวิตามินซีที่อยู่ในภาชนะบรรจุทึบแสง และเก็บรักษาโดยหลีกเลี่ยงความร้อนหรือแสงแดด