รวบแล้ว! หนุ่มควงกรรไกรบุกเดี่ยว ล็อกคอพนักงานสาวแบงก์ออมสินท่าแพ พบเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ขับรถวนกว่า 70 รอบก่อนตัดสินใจลงมือ สารภาพก่อเหตุเพราะปัญหาด้านการเงิน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการควบคุมตัว นายณัฐพล (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวล็อคคอพนักงานหญิง ธนาคารออมสิน สาขาท่าแพ แล้วใช้กรรไกรเป็นอาวุธจี้ข่มขู่เพื่อให้ทางพนักงานหญิงดังกล่าวส่งเงินให้ แต่ทางพนักงานหญิงได้ขัดขืน จนเกิดการฉุดกระชาก และทางเพื่อนพนักงานในธนาคารช่วยกันต่อสู้ จนคนร้ายวิ่งออกมาจากธนาคารและควบรถจักรยานยนต์ที่จอดด้านหน้าหลบหนีไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (5 พ.ค.64) ขณะพนักงานธนาคารดังกล่าวกำลังเตรียมปิดให้บริการ
โดยหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการรวบรวมหลักฐาน และตรวจสอบเบาะแสจากภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ จนกระทั่งทราบตัวคนร้าย และได้ทำหารจับกุมตัวได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุ พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกุปีไอ สีแดง ที่ใช้ในการหลบหนี และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ก่อนจะทำการควบคุมตัวมาสอบสวนยัง สภ.เมืองเชียงใหม่ ในเวลาต่อมา และจากการตรวจสอบทราบว่า นายณัฐพล ผู้ต้องหานั้นเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่
ทั้งนี้ในเบื้องต้น จากการสอบถามทางด้าน พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เบื้องต้น นายณัฐพล ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นบุคคลที่ก่อเหตุดังกล่าวจริง ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปนั้น เพราะมีปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่จะเอาเงินไปใช้อะไรนั้นยังไม่ทราบ จึงทำให้เจ้าตัวตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่ก่อนหน้าที่จะก่อเหตุเจ้าตัวก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะลงมือทำดีหรือไม่ และหลังจากก่อเหตุเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ในย่านลอยเคราะห์อยู่ไม่ห่างจากธนาคารที่ก่อเหตุ
นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า ก่อนที่เจ้าตัวจะก่อเหตุนั้นก็ยังเกิดความลังเลใจ และตัดสินใจที่จะก่อเหตุอยู่นาน ขับรถวนไปมาที่ธนาคารที่ก่อเหตุถึง 70 กว่ารอบ ก่อนที่จะติดสินใจลงมือก่อเหตุ ตั้งแต่ธนาคารเปิดจนกระทั่งธนาคารปิดให้บริการ โดยเจ้าตัวก็ไม่ได้เตรียมตัวหรือวางแผนก่อเหตุแต่อย่างใด เพียงแค่สวมชุดอำพรางเพียงเท่านั้น จากนั้นก็หาจังหวะพยายามเข้าไปในธนาคารแล้วล็อคคอพนักงานในธนาคาร แล้วจึงขู่เอาเงิน แต่ทางพนักงานขัดขืนต่อสู้ เจ้าตัวก็เลยหลบหนีไป
ส่วนการดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหานั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็อาศัยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ประกอบกับข้อมูลเบาะแสที่ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งข่าว ซึ่งหลังการสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพ ซึ่งเบื้องต้นทางผู้ต้องหาก็จะมีความผิดเข้าข่าย “ชิงทรัพย์” แต่เป็นการก่อเหตุที่ไม่สำเร็จ จึงอยู่ในฐานความผิด “พยายามชิงทรัพย์” โดยหลังจากนี้ก็จะทำการสอบสวนและส่งตัวให้ทางพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป